เพลิงไหม้ห้างเซ็นทรัลเวิร์ลดับ 3 บาดเจ็บ 7 ราย
เวลา 17.30 น.วันที่ 10 เม.ย.62 พ.ต.อ.ธรรมนูญ บุญเรือง ผกก.สน.ปทุมวัน ไดรับแจ้งเหตุเกิดเหตุเพลิงไหม้ที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิร์ล ถนนพระราม1 แขวงเขตปทุมวัน จึงไปตรวจสอบพร้อมด้วยหน่วยบรรเทาสาธารณะภัยกว่า 20 คันพร้อมทั้งหน่วยกู้ชีพมูลนิธิร่วมกตัญญู ที่เกิดเหตุพบต้นเพลิง บริเวณชั้น 8 อาคารบี ฝั่งวัดปทุมวนาราม ประชาชนที่มาใช้บริการที่ห้างและผู้มาใช้โรงแรมต่างวิ่งหนีตายอลหม่านจนเกิดความวุ่นวาย เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของห้างได้พยายามกันประชาชนออกนอกพื้นที่ เนื่องจากขณะเกิดเหตุเป็นเวลาที่มีผู้เลิกงานกันเป็นจำนวนมากทำให้การจราจรติดขัดอย่างหนักรถดับเพลิงไม่สามารถเข้าบริเวณที่เกิดเหตุได้ ต้องใช้เวลาอยู่หลายนาทีกว่าที่รถดับเพลิงและหน่วยกู้ภัยจะสามารถเข้าบริเวณที่เกิดเหตุ
โดยบริเวณที่เกิดเหตุได้มีกลุ่มควันและแสงเพลิงออกมากันเป็นจำนวนมากพบว่ามีผู้ติดอยู่บริเวณต้นเพลิงได้กระโดดหนีไฟลงมาร่างกระแทกหลังคาบริเวณชั้น 2 ประตูทางเข้าโหลดสินค้า ประชาชนที่ยืนเฝ้าดูเหตุการณ์อยู่ต่างหวีดร้องตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เบื้องต้นมีผู้เสียชีวิตแล้ว 1 ราย ส่วนผู้บาดเจ็บอีก 2 รายถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลจุฬา
เจ้าหน้าที่ได้ใช้น้ำดับเพลิงประมาณ 20 นาที เพลิงจึงสงบ ซึ่งยังเหลือแต่กลุ่มควันอีกจำนวนมากบริเวณชั้น 7 และชั้น 8 พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน (รอง ผบ.ตร.)พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น (ผบช.น.) พร้อมเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตพล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง เปิดเผยว่าต้นเพลิงเกิดจากชั้นที่ 8 บริเวณห้องเก็บเอกสาร ซึ่งขณะนี้เพลิงได้สงบหมดแล้วยังเหลือแต่กลุ่มควัน เบื้องต้นมีผู้เสียชีวิตแล้ว 3 ราย เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 1 รายและไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาลจุฬาอีก 2 ราย มีผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งหมด 8 ราย ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลตำรวจ 6 คนและที่โรงพยาบาลราชวิถีอีก 2 คน ซึ่งเป็นคนไทยทั้งหมดและเป็นเจ้าหน้าที่ของอาคารเองอย่างไรก็ตามต้องขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิต
พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้สั่งให้ปลัด กทม และ ผอ. เขตปทุมวันออกคำสั่งหยุดใช้อาคาร ชั่วคราว ส่วนสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ครั้งนี้ยังไม่ทราบแน่ชัดต้องรอให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุเพื่อหาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้ง