พลตำรวจโทสุรเชษฐ์ หักพาล เผยรู้ตัวผู้บงการสั่งยิงรถตัวเองแล้ว ชนวนเหตุมาจากคำสั่งยกเลิกโครงการไบโอเมทริกซ์ ขณะดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ติดตามจากรายงานคุณไพจิตร ภานนท์
ช่วงค่ำวันที่ 6 มกราคมที่ผ่านมา กล้องวงจรปิดในซอยสาริกา ย่านถนนสุรวงศ์ เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร บันทึกภาพขณะคนร้าย 2 คน สวมหมวกกันน็อกเต็มใบสีดำ ขี่รถจักรยานยนต์ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนเข้ามาในซอย แล้วกลับรถ ก่อนใช้ปืนกระหน่ำยิงรถยนต์สีขาวที่จอดบริเวณหน้าร้านนวดภายในซอยดังกล่าว ก่อนคนร้ายจะรีบขี่รถหลบหนีไป ซึ่งรถคันนี้เป็นรถของพลตำรวจโทสุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษาพิเศษประจําสํานักนายกรัฐมนตรี
คดีนี้พลตำรวจโทสุรเชษฐ์ หรือ บิ๊กโจ๊ก รู้ทันทีว่า ชนวนเหตุที่ถูกลอบยิงมาจากเรื่องที่กำลังจะเข้าเป็นพยาน กรณีสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ปปช.สอบสวนโครงการจัดซื้อจัดจ้างไบโอเมทริกซ์ ที่ตัดสินใจยกเลิกโครงการนี้ เมื่อครั้งที่ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ทำให้หลายฝ่ายเสียผลประโยชน์ ที่มีมูลค่าสูงถึง 2,000 ล้านบาท
โครงการไบโอเมทริกซ์ หรือระบบพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล ลายพิมพ์นิ้วมือและภาพถ่ายใบหน้า ดำเนินการมาตั้งแต่สมัยก่อนที่พลตำรวจโทสุรเชษฐ์ จะเข้ามาดำรงตำแหน่ง ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง จนกระทั่งถึงช่วงที่เข้ามารับตำแหน่ง และพบปัญหาว่า โครงการไบโอเมทริกซ์ มีปัญหาเรื่องความเสถียรของเทคโนโลยี อีกทั้งการตรวจรับงานยังมีความล่าช้า ไม่เป็นไปตามที่ระบุในสัญญา พลตำรวจโทสุรเชษฐ์จึงทำหนังสือส่งถึงพลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้บอกเลิกสัญญาโครงการ จนกลายเป็นประเด็นมาถึงทุกวันนี้
พลตำรวจโทสุรเชษฐ์ ยืนยันว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นการจัดฉาก ตามที่หลายฝ่ายตั้งข้อสงสัย และยังบอกอีกว่า รู้ตัวผู้ที่อยู่เบื้องหลังสั่งการให้ลอบยิงรถตัวเองแล้ว บอกได้เพียงว่าเป็นผู้มีอำนาจ ซึ่งหากดูจากพยานหลักฐาน โดยเฉพาะกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่คนร้ายหลบหนี รวมถึงจุดเกิดเหตุ เชื่อว่าน่าจะจับตัวคนร้ายที่ก่อเหตุได้ไม่ยาก วันนี้จึงนำหลักฐานทั้งหมดมาให้กับพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลบางรัก รวมถึงให้ข้อมูลรถเบนซ์สีดำต้องสงสัยที่ขับมาวน บริเวณร้านนวดแผนโบราณก่อนเกิดเหตุแล้วว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ ซึ่งผู้สั่งการลอบยิงรถของตัวเองครั้งนี้ เป็นคนเดียวกับที่เคยก่อเหตุจ้างมือปืนลอบยิงรถยนต์ของผู้สื่อข่าว เมื่อ 2 ปีก่อน ซึ่งจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่สามารถจับคนร้ายที่ก่อเหตุได้
สำหรับการติดตามตัวมือปืนที่ก่อเหตุ ตำรวจยังอยู่ระหว่างสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานแกะรอยจากกล้องวงจรปิด ตามเส้นทางที่คนร้ายหลบหนี แต่ยังไม่สามารถพิสูจน์ทราบตัวบุคคลได้ว่าผู้ก่อเหตุเป็นใคร
