พล.ต.ท.ชินภัทร กล่าวว่า คดีที่ 1 จับกุมนายพีรพัฒน์ ชัยสุนทร อายุ 24 ปี,น.ส.จริยา นิยมเพ็ง อายุ 24 ปี ของกลางกัญชาอัดแท่ง 400 กก.รถตู้ฮุนได เอช 1 สีน้ำเงิน ในข้อหาร่วมกันกับพวกที่หลบหนีมีกัญชาไว้ครอบครองเพื่อจำหน่ายฯ จับกุมได้ที่ถนนนิตโย หน้าไปรษณีย์สว่างแดนดิน จ.สกลนคร หลังชุดจับกุมสืบทราบข่าวว่าจะมีขบวนการลอบลำเลียงยาเสพติดจากนายทุนผู้ค้าผ่านชายแดน จ.นครพนม มาส่งให้ลูกค้าในพื้นที่กรุงเทพฯ ก่อนวางแผนสกัดรถต้องสงสัยได้ เมื่อตรวจค้นพบกัญชาซุกซ่อนในกระสอบที่ห้องโดยสารรถตู้ จึงคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนขยายผลจับกุมต่อไป
พล.ต.ท.ชินภัทร กล่าวว่า คดีที่ 2 จับกุมนายทรงกลด ศรีหะรัญ อายุ 40 ปี,นายชัยศรี คงอักษร อายุ 63 ปี และ น.ส.รัชนก บุญทา อายุ 36 ปี พร้อมของกลางยาบ้า 1.4 ล้านเม็ด และรถยนต์กระบะอีซูซุ ในข้อหาร่วมกันกับพวกที่หลบหนีมียาบ้าไว้ครอบครองเพื่อจำหน่าย จับกุมได้หน้าซอยทางเข้าหมู่บ้านแม่ปะดอย อ.เถิน จ.ลำปาง หลังสืบสวนขยายผลการจับกุมเครือข่ายยาเสพติดได้เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ยึดของกลางยาบ้ากว่า 4 ล้านเม็ด ยังพบว่ามีกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่ภาคกลางซึ่งเกี่ยวข้องกับเครือข่ายที่ถูกจับไปแล้ว ได้ลำเลียงยาเสพติดโดยใช้รถเก๋ง 2 คัน กับรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุของกลาง เดินทางจากพื้นที่ภาคกลางขึ้นมาทางภาคเหนือ และขับตามกันขึ้นไปถึง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นพื้นที่รับยาเสพติด แล้วเดินทางกลับลงมา เมื่อรถยนต์กระบะดังกล่าวขับไปถึงด่านตรวจวังดิน อ.ลี้ จ.ลำพูน ชุดจับกุมจึงเรียกตรวจรถยนต์กระบะดังกล่าว แต่ไม่ยอมหยุดรถและขับเบียดรถยนต์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วหลบหนีไปได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงจัดกำลังค้นหาก่อนพบว่าถูกจอดซุกซ่อนอยู่ในซอยเข้าหมู่บ้านแม่ปะดอย อ.เถิน จ.ลำปาง จึงจัดกำลังซุ่มเฝ้าดู ก่อนจะพบรถยนต์เก๋งสีขาว ยี่ห้อโตโยต้า ยาริส ขับมาจอดมีนายทรงกลด เป็นคนขับ และนายชัยศรี นั่งมาด้วย ส่วน น.ส.รัชนก ลงไปเปิดรถกระบะ ชุดจับกุมจึงคุมตัวผู้ต้องหาได้ทั้งหมด เมื่อตรวจค้นรถยนต์กระบะ พบยาบ้าของกลางกว่า 1.4 ล้านเม็ด ซุกซ่อนอยู่ใต้ที่นอนเก่าและสุ่มไก่เหล็กในกระบะ
สอบสวนผู้ต้องหารับว่า ได้รับคำสั่งจากนายอิฐ ที่ร่วมกันทำธุรกิจรับถมที่ดิน โดยได้ตั้งไลน์กลุ่มชื่อ “ทีมงานคนใต้นิ” และนายอิฐ สั่งให้ผู้ต้องหาทั้งสามมานำรถกระบะของกลางดังกล่าวออกไป โดยให้ไปเอากุญแจรถที่ซ่อนไว้ในช่องของฐานรองแผ่นโต๊ะหินอ่อนที่ตั้งอยู่บริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อที่สามแยกดอนไชย อ.เถิน จ.ลำปาง
ต่อมาชุดจับกุมขยายผลตรวจค้นบ้านพักของผู้ต้องหาทั้งสามคน
ยึดทรัพย์สินไว้ตาม พ.ร.บ.มาตรการฯ ได้เป็น บ้านพร้อมที่ดิน 2 หลัง และโฉนดที่ดินอีกหลายรายการ มูลค่าประมาณ 18,000,000 บาท, รถยนต์ 1 คัน 500,000 บาท และ อายัดเงินในบัญชี 3,705,232 บาท รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ตรวจยึด ประมาณ 22,205,232 บาท
พล.ต.ท.ชินภัทร กล่าวว่า คดีที่ 3 จับกุมนายมงคล ชนธนาศิลป์ อายุ 31 ปี,นายธนบดี ยะคะเสม อายุ 48 ปี,น.ส.บุษยาภรณ์ รังวิจี อายุ 36 ปี,นายนิโรจน์ มิ่งขวัญ อายุ 35 ปี,นายบุญพร้อม หลักหนองบุ อายุ 30 ปี และ น.ส.ภัทรชา ทวีวัน อายุ 38 ปี พร้อมของกลางกัญชา 2,000 กิโลกรัม,เคตามีน 6 กิโลกรัม,รถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า ในข้อหาร่วมกันกับพวกที่หลบหนีมีกัญชาไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายฯ จับกุมได้ริมถนนสายหนองหาน-กุมภวาปี หมู่ 4 ต.หนองไผ่ อ.หนองหาน จ.อุดรธานี ต่อเนื่องริมถนน หมู่ 7 ต.บ้านจืด อ.กู่แก้ว จ.อุดรธานี และพื้นที่หมู่ 5 ต.คอนสาย อ.กู่แก้ว จ.อุดรธานี หลังได้รับแจ้งว่ามีกลุ่มลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ตามแนวชายแดน จ.บึงกาฬ นำมาส่งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยจะใช้รถยนต์หลายคัน ชุดจับกุมจึงเฝ้าสังเกตการณ์ตามเส้นทางถนนระหว่าง อ.เซกา จ.บึงกาฬ และ อ.อากาศอำนวย จ.สกลนคร พบรถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า มีตู้ทึบฝาปิดท้ายกระบะ และรถยนต์ ยี่ห้อมาสด้า กับรถยนต์โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ ขับตามกันมาโดยทิ้งช่วงห่างเป็นระยะ ชุดจับกุมจึงสะกดรอยติดตาม กระทั่งมาถึงบริเวณถนนสาย อ.หนองหาน จ.อุดรธานี ชุดจับกุมจึงแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจขอตรวจค้นรถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า มีนายมงคล เป็นคนขับ พบกัญชาแห้งอัดแท่ง ภายในซุกซ่อนเคตามีนวางอยู่ในกระบะหลัง จึงติดตามรถยนต์ยี่ห้อมาสด้า และรถยนต์โตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ ซึ่งเป็นรถนำและดูต้นทางให้กับรถลำเลียงยาเสพติด ตรวจค้นรถยนต์ทั้ง 2 คัน ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย จึงจับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนขยายผลดำเนินคดีตามกฎหมาย ก่อนตรวจยึดรถยนต์ 21 คัน รวมมูลค่านับสิบล้านบาท รวมถึงที่ดิน 7 ไร่ ใน อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ที่ตรวจพบเครื่องอัดแท่งกัญชา ซึ่งการสืบสวนพบว่าเป็นเพียงการย่อขนาดกัญชาให้เล็กลง ผู้ต้องหาไม่ได้ผลิตเองแต่นำกัญชาเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้าน