ตำรวจแนะผู้เสียหายคดีโอมช่างภาพฉาวควรเข้าแจ้งความภายใน 3 เดือน
เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 14 ก.ค. ที่ สน.ท่าข้าม น.ส.กูลิโกะ (ขอสงวนชื่อและนามสกุล) อายุ 25 ปี และ น.ส.มะ (ขอสงวนชื่อและนามสกุล) อายุ 25 ปี เดินทางเข้าพบ ร.ต.ท.หญิง สุภัทรา ประมุขกุล รอง สว.(สอบสวน) สน.ท่าข้าม เพื่อให้การเพิ่มเติมกรณีตกเป็นผู้เสียหายถูก นายธนากฤต หรือโอม วีระภักดี อายุ 42 ปี ช่างภาพแนวปลุกใจเสือป่า ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาธนบุรีที่ จ.382/2563 และ จ.383/2563 ลงวันที่ 10 ก.ค.63 ข้อหากระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่าสิบห้าปี โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบปากคำก่อนให้ผู้เสียหายทั้ง 2 ราย ลงลายมือชื่อในเอกสารสำคัญทางคดีก่อนให้เดินทางกลับบ้านพัก น.ส.กูลิโกะ กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณพนักงานสอบสวนและชุดคลี่คลายคดีทุกท่าน หลังเข้ามาแจ้งความก็พาตน 2 คน ไปทำแผนประทุษกรรมที่โรงเเรมจุดเกิดเหตุ โดยบันทึกภาพจำลองเหตุการณ์ไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นวันรุ่งขึ้นก็ออกหมายจับและจับกุม นายธนากฤต เอาไว้ได้ โดยในขณะนี้กลุ่มนางแบบที่ตกเป็นผู้เสียหายรวมตัวกันได้ประมาณ 11-12 คน แล้ว และเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนแล้วทั้งสิ้น 9 คน สำหรับผู้เสียหายรายอื่นๆ ตนไม่รู้ แต่สำหรับตนและ น.ส.มะ ยืนยันขอดำเนินคดีกับ นายธนากฤต ให้ถึงที่สุด ด้าน น.ส.มะ กล่าวด้วยว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายบางรายให้ข้อมูลว่า เคยถูก นายธนากฤต ล่วงละเมิดทางเพศ มากกว่าการแตะเนื้อต้องตัว โดยน้องผู้หญิงคนนี้ถูกจับมัดมือ ปิดตา ใช้อุปกรณ์เซ็กซ์ทอยระหว่างการถ่ายภาพ ร่วมกับการถูก นายธนากฤต ใช้อวัยวะเพศสอดใส่ทั้งในปากและของสงวน แต่เรื่องที่เกิดขึ้นผ่านมาได้ประมาณ 4-5 เดือนแล้ว ผู้เสียหายกำลังตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรและเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนหรือไม่ อย่างไรก็ตามผู้เสียหายส่วนใหญ่มักถูกละเมิดหรือกระทำในโรงแรมแห่งเดียวกัน ซึ่ง นายธนากฤต เป็นลูกค้าประจำและมักเปิดห้องสูทชั้น 8 เอาไว้จำนวน 3 ห้องเดิมๆ ทุกครั้งที่มีการนัดถ่ายแบบ พ.ต.อ.ธีระ เถระพัฒน์ ผกก.สน.ท่าข้าม เปิดเผยว่า วันนี้มีการเรียกประชุมพนักงานสอบสวน ชุดคลี่คลายคดีหลังพบว่าขณะนี้มีผู้เสียหายทยอยเดินทางมาแจ้งความเรื่อยๆ ซึ่งจะต้องพิจารณาข้อเท็จจริงในหลายส่วน เช่นแต่ละคดียังอยู่ในอายุความฟ้องร้องดำเนินคดีได้หรือไม่ พยานหลักฐานเพียงพอต่อการดำเนินการหรือไม่ เพื่อให้พนักงานสอบสวนเจ้าของคดีเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องเข้ามามอบหลักฐานหรือสอบปากคำเพิ่มเติมต่อไป ด้าน พ.ต.อ.วรลภย์ สุวรรณเกษการ ผกก.กลุ่มงานสอบสวน บก.น.9 กล่าวว่า ได้ให้แนวทางการดำเนินการของพนักงานสอบสวนไปแล้ว สมควรดำเนินการไปตามข้อเท็จจริง และเห็นว่าควรแยกฟ้องคดีแบบต่างกรรมต่างวาระ เพราะผู้เสียหายมีหลายราย เหตุเกิดคนละเวลา และต่างพฤติการณ์กัน ซึ่งฐานความผิดที่จะดำเนินการกับผู้ต้องหารายนี้ ยังอยู่ในข่ายคดีกระทำอนาจาร สามารถยอมความได้ และหากผู้เสียหายรายใดถูกกระทำและมีความประสงค์จะเข้าแจ้งความร้องทุกข์ขอให้เร่งดำเนินการภายใน 3 เดือน ไม่เช่นนั้นพยานหลักฐานอาจเลือนหายและอาจมีน้ำหนักเบาเมื่อต้องมีการดำเนินการต่อไปในชั้นศาล. /////////////