เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 9 ก.ย. ที่สน.บางเขน ตัวแทนประชาชนและเจ้าของร่วมโครงการหลักสี่ สแควร์ เข้าร้องเรียนให้ช่วยติดตามตรวจสอบการดำเนินคดีความที่เกี่ยวข้องกับ ร้านข้าวต้มชื่อดังย่านบางเขน กรณีก่อสร้างอาคารรุกล้ำพื้นที่สาธารณะ โดยมีการร้องเรียนมานานกว่า 10 ปี แต่คดีความไม่มีความคืบหน้า วันนี้กลุ่มตัวแทนจึงติดต่อเข้าร้องเรียนกับนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการกฎหมาย เพื่อให้เข้าตรวจสอบพื้นที่พร้อมเร่งรัดคดีหลังทราบว่ามีผู้มีสีเข้ามาเกี่ยวข้อง
ตัวแทนประชาชน เปิดเผยว่าการก่อสร้างอาคารของร้านอาหารแห่งนี้ได้รุกล้ำพื้นที่จอดรถซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนกลางของโครงการหลักสี่ สแควร์ มายาวนานซึ่งกลุ่มประชาชนได้เข้าแจ้งความตั้งแต่ปี 2555 จนขณะนี้ผ่านไปกว่า 10 ปี คดีหมดอายุความแล้วแต่ยังไม่มีความคืบหน้า ซึ่งผู้ประกอบการ ก็ได้รับผลกระทบเพราะส่วนต่อเติมอาคารบังหน้าร้านและรุกล้ำการใช้สอยประโยชน์จากพื้นที่ส่วนกลางประกอบกับทราบว่าเจ้าของร้านเป็นนายทหารท่านหนึ่ง จึงเกรงกลัวต่ออิทธิพลจึงเข้าร้องต่อนายสิระวันนี้
ต่อมานายสิระ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบร้านข้าวต้มตั้งอยู่ในหลักสี่ สแควร์ ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพฯ พบว่าเป็นร้านข้าวต้มและมีการต่อเติมตังอาคารรุกล้ำพื้นที่ถนนส่วนกลาง รวมทั้งทางเท้าพื้นที่สาธารณะ กีดขวางการสัญจรไปมาของประชาชน ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ
ด้านพ.ต.อ.อรรถพล มีเสียง ผกก.สน.บางเขน กล่าวว่าขณะนี้เขตได้มาแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าของร้านข้าวต้มชื่อดังแห่งนี้แล้วในข้อหาฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงานเหตุไม่รื้อถอนอาคาร ตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร ซึ่งทางเจ้าของก็ยินยอมให้รื้อถอน และล่าสุดวันนี้มีคำสั่งให้รื้อถอนภายใน 30 วัน สั่งปรับเป็นเงินย้อนหลังตั้งแต่วันที่เริ่มกระทำความผิดโดยคิดค่าปรับไม่เกินวันละ 10,000 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากการสอบถามประชาชนที่ใช้ฟุตบาตสัญจร เผยว่าการใช้สะพานลอยซึ่งติดกับอาคารก่อสร้างลำบากโดยเฉพาะเวลาที่ฝนตกน้ำขังต้องหลบหลีกตัวอาคาร บางครั้งต้องเดินบนถนนเสี่ยงต่อการเเกิดอุบัติเหตุได้ จึงเห็นว่าถ้ารื้อถอนสิ่งที่รุกล้ำมาบนพื้นที่สาธารณะจะเกิดประโยชน์มากกว่านี้.
///////////////////