วันที่16 กันยายนที่สน.พญาไทพนักงานสอบสวนเชิญตัวหญิงกระชากผมอายุ50 ปีอาชีพผู้ดูแลผู้สูงอายุฝมาสอบปากคำหลังจากน.ส.อัมพิกาหนองอุดมอายุ30 ปีเจ้าหน้าที่การบริหารพัฒนาทรัพยากรบุคคลสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ผู้เสียหายจากการถูกดึงผมปมจองเบาะที่นั่งในรถตู้แจ้งความไว้ที่สน.ดังกล่าวเผยว่าตนไม่ได้คุยกับคนก่อเหตุเลยเขาไม่มองหน้าหรือขอโทษกับสิ่งที่ทำไปหรือแม้แต่แสดงความสำนึกผิด
.
ส่วนเรื่องคดีอาญายืนยันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุดโดยจะไปตรวจร่างกายที่รพ.วิชัยยุทธเพื่อนำใบรับรองแพทย์มาประกอบการแจ้งความอีกครั้งทั้งนี้ตนได้เรียกร้องค่าเสียหายเป็นค่ารักษาพยาบาลค่าเดินทางค่าเสียเวลาค่าทำขวัญไปแล้ว5 หมื่นบาทแต่คู่กรณีพูดว่าเกินกว่าเหตุถามว่าสิ่งที่ตนเรียกร้องนั้นเกินไปหรือไม่เพราะตนก็มีลูกเล็กหากวันนั้นถูกกระชากตกบันไดเลื่อนจะเป็นอย่างไรทั้งนี้ในวันที่6 ตุลาคมนี้ตำรวจได้นัดคู่กรณีส่งฟ้องศาลแขวงดุสิต
.
ยืนยันว่าขณะเกิดเหตุตนไม่ได้แสดงอาการยั่วยุแต่อย่างใดเพียงแต่ต่อแถวขึ้นรถตามปกติโดยตนอยู่คิวต้นๆคู่กรณีอยู่คนสุดท้ายเนื่องจากตนเป็นคนเวียนหัวง่ายจึงเลือกที่นั่งติดประตูแต่คู่กรณีไม่ยอมจะให้เข้าไปนั่งแถวในสุดตลอดเส้นทางที่นั่งรถมาก็ถูกคู่กรณีด่าทอตลอดเวลาแต่ตนก็ไม่ตอบโต้จนถึงจุดหมายแล้วลงรถคู่กรณีก็อาศัยจังหวะที่ตนเผลอกำลังคุยโทรศัพท์เดินเข้ามากระชากผมอย่างแรง
.
ทางพ.ต.ท.พนมเชื้อทองรองผกก.(สอบสวน) สน.พญาไทเปิดเผยว่าเช้าวันนี้ได้นำตัวผู้ต้องหามาสอบปากคำเพิ่มเติมในประเด็นที่พนักงานสอบสวนสงสัย ส่วนจะมีการไกล่เกลี่ยกันระหว่างผู้เสียหายกับคู่กรณีหรือไม่นั้นต้องสอบถามความสมัครใจของทั้งสองฝ่ายก่อน
.
ทั้งนี้ผู้เสียหายได้เดินทางมาที่สน.พญาไทเพื่อเจรจาไกล่เกลี่ยกับทางผู้ก่อเหตุโดยใช้เวลาประมาณ1 ชั่วโมงก่อนที่ผู้ก่อเหตุได้วิ่งลงมาทางบันไดก่อนออกประตูข้างโรงพักขึ้นรถวินจักรยานยนต์หนีออกไปทันทีโดยไม่ยอมให้สัมภาษณ์ใดๆกับสื่อมวลชนที่พยายามวิ่งตามมาสอบถาม
.
โดยผู้ก่อเหตุสารภาพว่าทำลงไปเนื่องจากมีอารมณ์โมโหที่คู่กรณีนั่งขวางที่นั่งซึ่งควรเป็นสิทธิ์ของเธอก่อนจะมีปากเสียงกันและก่อเหตุดังกล่าวเบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหา“ทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ” และ“ดูหมิ่นผู้อื่นซึ่งหน้า” ตั้งแต่ช่วงเมื่อคืนที่ผ่านมาโดยนัดให้มาให้ปากคำเพิ่มเติมในช่วงเช้าวันนี้