วันที่ 16 ตุลาคม ที่สน.ดุสิต นายบุญเกื้อหนุน เป้าทอง ได้เดินทางมาพร้อมแม่และน.ส.พูนสุข พูนสุขเจริญ ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เพื่อมอบตัวตามหมายจับประทุษร้ายต่อพระองค์ หรือเสรีภาพของพระราชินีหรือรัชทายาทที่สน.ดุสิต
โดยนายบุญเกื้อหนุนได้ยืนชูสัญลักษณ์ 3 นิ้วที่บริเวณทางเข้าโรงพัก และกล่าวก่อนเข้ามอบตัวว่า ขณะนี้ตนขอรอเพื่อนก่อน เนื่องจากยังไม่รู้ว่าเมื่อเข้ามอบตัวแล้ว จะมีโอกาสออกมาเมื่อไหร่ ส่วนเรื่องมาตรา 110 นอกจากจะเป็นคดีร้ายแรง ยังเป็นคดีที่ไม่มีใครเคยหยิบมาใช้มาก่อนก็ค่อนข้างจะแปลกใจเหมือนกัน อย่างไรก็ตามสปิริตยังดีอยู่
นายบุญเกื้อหนุนกล่าวด้วยว่า ฝการมามอบตัวตามหมายจับในข้อหานี้ เป็นการแสดงความบริสุทธ์ว่า ไม่มีเจตนาหลบหนี ในวันที่เกิดเหตุตนต้องการชุมนุมอย่างสงบ โดยมีการถือโทรโข่งจริง แต่ช่วงที่จะมีขบวนเสด็จ ไม่ได้รับการแจ้งเตือนแต่อย่างใด เมื่อเห็นขบวน ก็ตั้งใจถอยห่างเพื่อให้ขบวนผ่านไปได้ แต่ไม่สามารถให้รายละเอียดที่เกิดขึ้นในวันดังกล่าว และมองว่าการถูกดำเนินคดีตามกฎหมายอาญามาตรา 110 ไม่เป็นธรรม เพราะไม่มีเจตนา เข้าไปทำร้ายองค์ราชินีและรัชทายาท ยืนยันจะต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป
ด้านน.ส.พูนสุข เปิดเผยว่า ตามขั้นตอนของกฎหมาย เมื่อผู้ต้องหาถูกออกหมายจับจะต้องเข้าพบพนักงานสอบสวนในพื้นที่เกิดเหตุ ตนเห็นว่าการนำกฎหมายมาตรานี้มาใช้ ไม่มีมานานแล้วและยืนยันเช่นกันว่า ผู้ชุมนุมในพื้นที่ขณะเกิดเหตุ ไม่มีเจตนาทำลายขบวนเสด็จ ส่วนลูกความก็มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง เป็นนักศึกษาและไม่คิดหลบหนี จึงเชื่อว่า จะได้รับการประกันตัว
ก่อนหน้าที่นายบุญเกื้อหนุนจะเดินเข้าโรงพักเพื่อมอบตัว ได้มีเพื่อนๆ ที่เดินทางมาให้กำลังใจเข้าสวมกอดและร้องไห้ ซึ่งนายบุญเกื้อหนุนได้หลั่งน้ำตาออกมาพร้อมกล่าวว่าขอให้ตนได้เสียสละ
จากนั้นในเวลาประมาณ 10.30 น. นายบุญเกื้อหนุน และมารดา พร้อมทนายความ ได้เดินเข้าพบพนักงานสอบสวน สน.ดุสิต เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาตามหมายจับ ใช้เวลาประมาณ 45 นาที
ต่อมา เวลา 11.15 น. นายบุญเกื้อหนุน กล่าวภายหลังพบพนักงานสอบสวนสน.ดุสิต โดยระบุว่า พนักงานสอบสวนได้ลงบันทึกประจำวันในการติดต่อขอเข้ามอบตัว และเตรียมคุมตัวให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาที่กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 (ตชด.ภ.1) เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา ก่อนจะนำตัวไปฝากขังที่ศาลอาญา ซึ่งตนยืนยันในความบริสุทธิ์ใจ ไม่มีเจตนาที่จะล่วงเกิน ไม่มีเจตนาที่จะทำร้ายตั้งแต่ต้น ยังคงยืนยันตรงนี้และตนหวังว่ากระบวนการยุติจะยืนยันความบริสุทธิ์ใจของตนต่อไป ซึ่งในตอนนี้ตนได้สิ้นสุดการมีอิสระภาพแล้ว ตนก็ขอให้ทุกคนสู้ต่อไป ตนจะไม่ทิ้งทุกคนไปไหน ตนจะสู้ในชั้นศาลต่อไป
จากนั้นนายบุญเกื้อหนุนได้เดินขึ้นรถของตำรวจ สน.ดุสิต โดยมีตำรวจควบคุมตัวไป
เพื่อเดินทางไปยังกองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 ตชด.ภ.1 ต่อไป