แม่นักเรียน ม.2 โรงเรียนดังย่านปิ่นเกล้า ร้องปวีณาหลังลูกสาวถูกเพื่อนชายรุมโทรมในห้องคอมฯ ด้าน ผอ.เรียก 2 ฝ่าย เคลียร์ ทำบันทึกยุติเรื่อง ให้นำพวงมาลัยขอขมา หวั่นโรงเรียนเสียชื่อเสียง
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 3 พ.ย 63 ที่ สน.บางยี่ขัน นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณา หงสกุล เพื่อเด็กและสตรี ได้พานางมิ่ง และ ด.ญ.มุ่ย (นาม
สมมุติ) อายุ 13 ปี ลูกสาวนักเรียนม. 2 โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งย่านปิ่นเกล้า เข้าแจ้งความ กับ พ.ต.อเฉลิมศักดิ์ สุขสำราญ รอง ผบก.น.7 รักษาการณ์ ผกก.สน.บางยี่ขัน เพื่อดำเนินคดีกับนักเรียนชาย 5 คน ที่เรียนอยู่ห้องเดียวกันก่อเหตุล่วงละเมิดทางเพศ ภายในห้องเรียนคอมพิวเตอร์ของโรงเรียน(วัดดุสิตาราม)
นางมิ่ง กล่าวว่า เมื่อวันที่ 22 ต.ค.ที่ผ่านมา ลูกสาวได้บอกกับตนว่า ขณะทีนั่งเรียนวิชาคอมพิวเตอร์อยู่ในห้องเรียน ได้มีเพื่อนน้กเรียนชายห้องเดียวกันได้ฉุดลากตัวจากโต๊ะเรียนแล้วพาไปที่หลังห้องเรียนโดยช่วยกันจับแขน จับขา และปิดปากไม่ให้ส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือก่อนจะพยายามล่วงละเมิดทางเพศลูกสาวตน โดยรอบแรกลูกสาวได้ต่อสู้ดิ้นรน จนหลุดออกจากกลุ่มเพื่อนนักเรียนชายได้แล้วมานั่งร้องให้อยู่ที่หน้าห้องเรียน ขณะเกิดเหตุเป็นช่วงที่ครูไม่อยู่ในห้องเรียน เด็กนักเรียนชายทั้ง 5 คน ก็กลับมาอุ้มไปที่หลังห้องเรียนเป็นครั้งที่ 2 แล้วใช้มือเข้าไปในกางเกงพละก่อนใช้นิ้วแหย่เข้าไปในอวัยวะเพศ ถบกเสื้อชั้นในดูดหน้าอก ส่วนนักเรียนชายอีก 3 คน ช่วยกันปิดปาก และจับขาเอาไว้ แต่ลูกสาวตนก็ต่อสู้ ขัดขืนจนหลุดมาได้อีกครั้ง. แต่กลุ่มนักเรียนชายทั้ง 5 คน ก็ยังไม่ยอมเลิก ยังตามมาฉุดกระชากตัวไปที่หลังห้องเรียนอีกเป็นครั้งที่ 3 ก่อนจะลากตัวไปในห้องเก็บของที่อยู่สึกเข้าไปด้านในอีก จนลูกสาวตนได้ส่งเสียงดังกรีดร้องสุดชีวิต จนเพื่อนในห้องวิ่งเข้ามาดูเห็นสภาพลูกสาว ถูกจับกอดกางเกงพละและกางเกงในออก ปล่อยให้นอนเปลือยกายท่อนล่างอยู่
โดยที่นักเรียนชายที่ก่อเหตุก็ได้แยกย้ายกันไปทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ต่อมาลูกสาวตนกับเพื่อนสนิท ได้พากันไปแจ้งเรื่องที่เกิดขึ้นกับครูฝ่ายปกครองให้ทราบ ก่อนที่ครูจะเรียกนักเรียนชายทั้ง 5 คน มาสอบถามเรื่องที่เกิดขึ้น
พร้อมเรียกผู้ปกครองทั้งสองฝ่ายมารับทราบเรื่องทั้งหมด โดยนักเรียนชายทั้ง 5 คน ได้รับสารภาพว่าได้กระทำเรื่องดังกล่าวจริง และทางอาจารย์ของโรงเรียนพยายามจะเกลี้ยกล่อมให้ฝ่ายของตนยินยอมยุติเรื่องและไม่ดำเนินคดีกับฝ่ายผู้ปกครองของนักเรียนชายทั้ง 5 คน เนื่องจากเกรงว่าโรงเรียนจะเสื่อมเสียชื่อเสียง แต่ทำไมทางโรงเรียนไม่คิดว่าลูกสาวตน ซึ่งเป็นผู้ถูกกระทำได้รับความเสียหาย บอบช้ำทั้งร่างกายและจิตใจขนาดใหน (พร้อมร่ำไห้) ก่อนกล่าวต่อว่า “ทำไมถึงถูกเหยีบย่ำซ้ำเติมเหมือนลูกของตนไม่ใช่คน นักเรียนชายทั้ง 3 คน กระทำการ โดยไม่เกรงกลัวครู และเพื่อนนักเรียนที่อยู่ในห้องร่วม 30 คน “
โดยคาดว่าทั้ง 5 คน อาจจะคูคลิปโป๊ จนเกิดอารมณ์ทางเพศ และเห็นว่าลูกสาวตนดัวเล็ก คงจะไม่มีเรี่ยวแรงและไม่กล้าขัดขื้นจึงกล้ากระทำเรื่องแบบนี้
และในวันที่ 28 ต.ค.ทางโรงเรียนได้นัดผู้ปกครองทั้ง 2 ฝ่ายไปเจรจากัน โดยที่ตนเองไม่ทราบว่า ทางโรงเรียนได้เตรียมบันทึกข้อตกลงลงที่มีข้อความ ระบุว่า นักเรียนชายทั้ง 5 คน ให้การรับสารภาพ และฝ่ายนักเรียนชายพร้อมผู้ปกครองทั้ง 5 ครอบครัว จะนำพวงมาลัยดอกไม้มากราบขอขมาแม่ เพื่อแลกกับการไม่ดำเนินคดี ทั้งทางแพ่งและทางอาญา ส่วนทางโรงเรียนจะทำการหักคะแนนความประพฤติของเด็กนักเรียนชายทั้ง 5 คน คนละ 35 คะแนน พร้อมทำทัณฑ์บน หากกระทำความผิดเพิ่มเติมโรงเรียนจะดำเนินการย้ายสถานศึกษา โดยที่พี่สาวของน้อง ตกอยู่ในสภาพเหมือนถูกกดคัน ต้องเซ็นชื่อรับทราบเรื่องดังกล่าวด้วย โดยในบันทึกข้อความดังกล่าวมีผู้อำนวยการโรงเรียนเป็นพยานเซ็นรับทราบข้อความทั้งหมด ตนและลูกสาวเครียดมากเสียใจ และสงสารลูกสาวมาก ทุกคนทำเหมือนลูกสาวไม่ใช่คน แคดอกไม้มาขอขมาแล้วจบ กลัวว่าจะเสียชื่อเสียงของโรงเรียน
ตนจึงตัดสินใจมาขอให้มูลนิธิปวีณาฯ พาแจ้งความ เพื่อขอความเป็นธรรมและจะได้ไม่เกิดเหตุเรื่องเลวร้ายกับเด็กนักเรียนหญิงคนอื่นๆอีก
นางปวีณา กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นปัญหาใหญ่ของสังคมบ้านเราในปัจจุบัน ซึ่งจำเป็นที่จะต้องมีมาตราการป้องกันและแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน
มิใช่ปกปิดปัญหา โดยทางโรงเรียนจะต้องรายงานไปยังกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อให้ลงมาแก้ไขปัญหา มิให้เกิดขึ้นซ้ำๆอีก และในวันนี้ได้ประสานไปยัง ผู้แทน กระทรวงศึกษา ดร.ขนะ สุ่มมาคย์ ผู้อำนวยการศูนย์เฉพาะกิจคุ้มครองและช่วยเหลือนักเรียน สพฐ.
เพื่อให้ เด็กนักเรียนหญิงที่เสียหายและผู้ปกครอง เข้าพบ รับทราบเรื่องและตรวจสอบข้อเท็จจริง ในกรณีดังกล่าวเพื่อแก้ปัญหาและป้องกันการล่วงละเมิดทาง
เพศเด็กในโรงเรียนต่อไป
พ.ต.อ.เฉลิมศักดิ์ กล่าวว่า. ภายหลังจากรับแจ้งความแล้วก็จะทำหนังสือส่งตัวเด็กหญิงผู้เสียหายไปตรวจร่างกายเพื่อนำผลตรวจจากแพทย์มาประกอบสำนวนและประสานเจ้าหน้าที่สหวิชาชีพที่เกี่ยวข้องมาร่วมกันสอบปากคำผู้เสียหายก่อนดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อไป และเชิญตัวผู้ปกครองของทั้ง2ฝ่ายมาสอบสวน ส่วนเอกสารที่ทางโรงเรียนให้พี่สาวของด.ญ.ผู้เสียหายเซ็นนั้น
ก็เป็นหลักฐานที่สำคัญในการรรับสารภาพ
รับว่ามีเหตุการนั้นได้เกิดขึ้นจริงอีกด้วย