






รวบ “คิด สไปเดอร์แมน” เดนคุกลักทรัพย์พระเครื่องวัดดังไปปล่อยสนามพระ
เมือเวลา 09.00 น. วันที่ 17 ธ.ค. พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข
ผบ.ตร.ได้รับรายงานจาก พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์ ผบช.ภ.7 กรณี พล.ต.ต.นพศิลป์
พูลสวัสดิ์ ผบก.สส.ภ.7 และ พล.ต.ต.สุรชาติ มณีจักร ผบก.ภ.จว.นครปฐม
ร่วมกันสนธิกำลังกันกับ ตำรวจ บก.น.9
จับกุมตัวผู้ต้องหาคดีสำคัญที่ก่อเหตุตระเวนลักทรัพย์เงินสดตามตู้บริจาคกับพระเครื่องภายในวัด
และศาสนสถานสำคัญหลายแห่งในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จังหวัดนครปฐม
จ.สมุทรสาคร จ.นครราชสีมา และอื่นๆ ได้ของกลางจำนวนมาก
ทั้งนี้เมื่อเวลา 22.00 น. วันที่ 16 ธ.ค. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์
ผบก.สส.ภ.7 พล.ต.ต.พงศ์อานันต์ คล้ายคลึง ผบก.น.9 และ พ.ต.อ.นครินทร์
สุคนธวิท รอง ผบก.น.9
นำกำลังชุดสืบสวนเข้าตรวจค้นห้องพักในอาคารไม่มีชื่อ ถนนพระราม 2 ซอย 59
แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กทม.เพื่อจับกุมตัว นายสมคิด หรือติ่ง แต้มงาม
อายุ 33 ปี ชาว จ.ศรีสะเกษ ผู้ต้องหาเจ้าของฉายา “คิด สไปเดอร์แมน”
ตามหมายจับศาลจังหวัดนครปฐม เลขที่ 307/2563 ลงวันที่ 16 ธ.ค.63
ข้อหาลักทรัพย์ในเวลากลางคืน
โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์โดยเข้าทางช่องทางซึ่งได้ทำขึ้นโดยไม่ได้จำนงให้เป็นทางคนเข้า
โดยจับกุมตัวได้พร้อมด้วยของกลางหลายรายการประกอด้วย
พระเครื่องหลวงปู่เอี่ยม วัดหนังราชวรวิหาร กทม.จำนวน 735 รายการ
พระเครื่องวัดท่าไม้ จ.สมุทรสาคร จำนวน 12 รายการ
พระเครื่องมูลนิธิสมเด็จพระพุฒาจารย์โตพรหมรังษี จ.นครราชสีมา จำนวน 168
รายการ พระเครื่องหลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม จ.นครปฐม จำนวน 7 รายการ และ
เงินสดที่ได้จากการงัดตู้บริจาควัดไผ่ล้อม อีก 4,553 บาท
จากการสอบสวน นายสมคิด ยอมรับว่า
เสพติดหนังแอคชั่นประเภทแต่งกายอำพรางโรยตัวเข้าโจรกรรมอย่างหนัก
จนเมื่อต้นปี 2559 เคยถูกตำรวจฝ่ายสืบสวน กก.สส.บก.น.8 และ
สน.บางขุนเทียน ร่วมกันจับกุมตัวข้อหาลักทรัพย์
หลังตระเวนปีนฝ้าเพดานร้านขายโทรศัพท์จำนวน 11 แห่ง
แล้วโรยตัวเข้าทำการโจรกรรมโทรศัพท์มือถือมาได้กว่า 200 เครื่อง
จนได้ฉายาว่า คิด สไปเดอร์แมน ครั้งนั้นถูกศาลตัดสินจำคุก 8 เดือน
และยังถูกอายัดตัวดำเนินคดีข้อหาลักทรัพย์ในท้องที่อื่นๆ ติดเพิ่มอีก 3
ปี เพิ่งพ้นโทษออกมาเมื่อวันที่ 3 ต.ค.ที่ผ่านมา จากนั้นใช้เวลา 2
เดือนที่ได้รับอิสระออกจากเรือนจำ ตระเวนไปสำรวจลาดเลา ตามวัดดังต่างๆ
โดยใช้รถโดยสารสาธารณะเป็นยานพาหนะ
แล้วทำทีตีสนิทกับพระสงฆ์ที่ดูแลตู้วัตถุมงคล
เพื่อจดรายละเอียดเกี่ยวกับพระเครื่อง
นายสมคิด ยอมรับด้วยว่า จากนั้นจะหาเวลายอนกลับไปที่วัดในยามวิกาล
ทำการงัดแงะหน้าต่าง ประตู เข้าไปลักทรัพย์พระเครื่องตามตู้
งัดเงินสดออกจากตู้บริจาค โดยช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา
ก่อเหตุสำเร็จมาทั้งสิ้น 4 แห่ง ได้แก่ วัดหนังราชวรวิหาร กทม. วัดท่าไม้
จ.สมุทรสาคร มูลนิธิสมเด็จโต จ.นครราชสีมา และ วัดไผ่ล้อม จ.นครปฐม
ได้พระเครื่อง จำนวนมากออกมาเร่ขายเซียนตามสนามพระในราคาถูกกว่าท้องตลาด
โดยอาศัยปล่อยในราคาต่ำๆ เพื่อออกของง่ายๆ
นำรายได้มาใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน
ส่วนเงินที่ได้จากการงัดตู้บริจาคนั้นก็ใช้กินเที่ยวเตร่ไปจนหมดเหลือแค่เศษเหรียญบาท
จำนวน 4,553 บาท ที่ได้มาจากตู้วัดไผ่ล้อม เท่านั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะเข้าจับกุม นายสมคิด
ยังพบโพยกระดาษเขียนด้วยลายมือ นายสมคิดเอง จำนวน 3 แผ่น
ซึ่งข้อความในโพยระบุถึงพระเครื่องและของโบราณ
ตามสถานที่สำคัญอีกหลายแห่ง ทั้งใน กทม.และต่างจังหวัดเกือบทั่วประเทศ
อาทิ วัดบวรมงคลราชวรวิหาร วัดประยุรวงศาวาส วัดช่องแค วัดทรงธรรม
วัดไผ่โรงวัว วัดพระรูป วัดหูช้าง ฯลฯ และเมื่อสอบถาม นายสมคิด
เจ้าตัวยังยอมรับว่า
กระดาษดังกล่าวเป็นรายชื่อวัดที่บันทึกเอาไว้รอการไปสำรวจลาดเลาเพื่อก่อเหตุร่วมกันกับเพื่อนอีก
1 ราย ที่กำลังรอพ้นโทษจากเรือนจำ เบื้องต้นชุดจับกุมจึงส่งตัว นายสมคิด
พร้อมของกลางให้พนักงานสอบสวน สภ.เมือง นครปฐม ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป.
///////////////////////////////////////////