พ่อเข้าพบร้อยเวรหนองแขมหลังรับแจ้งพบศพลูกชายนำมาทิ้งไว้ข้างถนนในสภาพเปลือยกาย
เมื่อเวลา 21.00 น.วันที่ 6 ม.ค. ที่ สน.หนองแขม ร.ต.อ.ชัชวาลย์ เณรทรัพย์ อดีต รอง สว.จราจร สน.ตลิ่งชัน เดินทางเข้าพบ ร.ต.ท.พสิษฐ์ เงินยวง รอง สว.(สอบสวน) สน.หนองแขม กรณีได้รับแจ้งพบศพ นายชลิต หรือแซม อายุ 33 ปี บุตรชาย ถูกนำไปทิ้งไว้ในสภาพเปลือยกายกลางถนนมาเจริญ แขวงหนองคางพลู เขตหนองแขม กทม.เมื่อช่วงสายที่ผ่านมา
ร.ต.อ.ชัชวาลย์ กล่าวว่า ตนเป็นอดีตข้าราชการตำรวจตอนนี้เกษียณแล้ว รู้สึกตกใจมากที่พนักงานสอบสวน สน.หนองแขม แจ้งให้เดินทางมาที่โรงพักเพื่อให้ปากคำกรณีพบศพ นายชลิต ลูกชาย ถูกนำมาทิ้งไว้ข้างถนนในสภาพเปลือยกาย เนื่องจากที่ผ่านมาไม่ค่อยได้พบหรือพูดคุยกับลูกชายสักเท่าไหร่ เพราะเจ้าตัวอยู่กับทางมารดา ที่ต่างจังหวัด ซึ่งตนได้แยกกันอยู่กับภรรยามานานแล้ว อย่างไรก็ตามทราบแค่เพียงว่า ตอนนี้ลูกชายทำงานขายประกันและพักอาศัยอยู่กับแฟนหนุ่มซึ่งเป็นบุคคลรักเพศเดียวกันย่านบางนา ทำให้ทั้งตนและญาติๆ ต่างสงสัยว่าลูกชายถูกนำมาทิ้งไว้ในพื้นที่ สน.หนองแขมได้อย่างไร
จากการสอบถาม นายพริสร พงศ์พิทักษ์ เจ้าหน้าที่อาสากู้ภัยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง รหัส ภาษีเจริญ 010 เล่าว่า เมื่อเวลา 10.00 น.ที่ผ่านมา ได้รับการประสานจากร้อยเวรและแพทย์นิติเวช รพ.ศิริราช ให้เดินทางไปรับศพผู้ตายที่ถูกทิ้งไว้ริมถนนดังกล่าว โดยเมื่อไปถึงตนไม่พบว่า ผู้ตายมีบาดแผลตามร่างกายแต่อย่างใด พบเพียงรอยสักเป็นรอยสักยันต์ 5 แถว และรูปนกสาริกาคู่อยู่บนแผ่นหลัง แต่ที่แปลกใจคือผู้ตายนอนอยู่ข้างถนนในสภาพเปลือยกายมีเพียงผ้าห่มสีขาวห่อหุ้มตามร่างกายเท่านั้น ทางชาวบ้านจึงช่วยกันโพสต์ภาพศพตามหาญาติๆ ทางโซเชียลจนกระทั่งเป็นเบาะแสให้พนักงานสอบสวนติดตาม พ่อ พี่ และญาติของผู้ตายเดินทางมาให้ปากคำดังกล่าว
นายพริสร กล่าวว่า ในจุดที่พบศพนั้นตกกลางคืนจะเป็นถนนเปลี่ยวไม่ค่อยมีชาวบ้านสัญจร แต่โชคดีที่มีไฟส่องสว่างและมีกล้องวงจรปิดติดตั้งเอาไว้ เบื้องต้นตนทราบว่า ฝ่ายสืบสวน สน.หนองแขม พบภาพหลักฐานเป็นรถเก๋ง ไม่ทราบยี่ห้อและรุ่น สีดำ ขับเข้ามาที่จุดเกิดเหตุ จากนั้นมีชาย 2 คนอุ้มร่างผู้ตายจากในกระโปรงหลัง ลงมานอนทิ้งไว้ข้างถนน โดยเมื่อชายทั้ง 2 คน ขึ้นรถขับหนีออกไปแล้ว ยังได้ถอยรถกลับมาอีกครั้งเพื่อนำผ้าห่มลงมาคลุมร่างให้ผู้ตายอีกครั้งแล้วพากันขึ้นรถหลบหนีไป
ด้าน พล.ต.ต.พงศ์อานันต์ คล้ายคลึง ผบก.น.9 เปิดเผยว่า ขณะนี้รับรายงานคดีดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พอจะทราบเบาะแสบุคคลที่นำศพผู้ตายมาทิ้ง เบื้องต้นเชื่อว่าก่อนเกิดเหตุผู้ตายและผู้นำศพมาทิ้ง น่าจะมีการนัดหมายกันเพื่อสังสรรค์พบปะกันทำกิจกรรมบางอย่าง ในบ้านพักซึ่งอยู่ไม่ห่างจากจุดที่ทิ้งศพ อย่างไรก็ตามขณะนี้อยู่ระหว่างสั่งการให้ฝ่ายสืบสวน เดินทางติดตามไปหาตัวผู้ครอบครองรถและบุคคลต้องสงสัย 2 รายที่นำศพมาทิ้งเพื่อสอบถามมูลเหตุการตายก่อนแจ้งข้อหาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป.