
จากกรณีตำรวจกองปราบฯ จับกุมนายเจเรมี่ แมนเชสเตอร์ กับ นายลูอิส ซิสกิน ทั้งคู่สัญชาติอเมริกัน อดีตทหารนาวิกโยธินสหรัฐอเมริกา และ นายเอกบดินทร์ ประสิทธิ์นฤทธิ์ ผู้ต้องหาก่อเหตุอุ้มนายเวน ยู ซุง ผู้เสียหายชาวไต้หวัน ไปเรียกค่าไถ่ เป็นเงินกว่า 90 ล้านบาท สาเหตุมาจากความขัดแย้งทางธุรกิจซื้อถุงมือยางทางการแพทย์ โดยขณะเกิดเหตุวงจรปิดสามารถจับภาพเหตุการณ์ ขณะนายเวน ยู ซุง ถูกกลุ่มชาวต่างชาติอุ้มออกจากร้าน
โดยมีบุคคลสวมชุดตำรวจในเครื่องแบบนั่งอยู่ด้วย แต่ไม่มีการให้ความช่วยเหลือแต่อย่างใด จึงเชื่อว่าขบวนการดังกล่าวน่าจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งย่านทองหล่อ เมื่อวันที่ 28 มี.ค. ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นไม่นานทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สน.ทองหล่อ ก็สามารถขยายผลติดตามจับกุมผู้ร่วมชบวนการรายอื่นๆเพิ่มเติมได้อีกหลายราย รวมมีผู้ต้องหาในคดีดังกล่าวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ที่ถูกจับกุมไปแล้วขณะนี้ 9 ราย ตามที่เคยมีการนำเสนอไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าคดีดังกล่าวล่าสุด เมื่อวันที่ 2 พ.ค. ที่ กองบังคับการปราบปราม(บก.ป.) พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผบก.ป., สั่งการให้ พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น ผกก.2 บก.ป. พ.ต.ต. กรพงศ์ วงษาลังการ สว.กก.2 บก.ป. สนธิกำลังร่วมกับ กก.สส.บก.ตม.2 จับกุม นายแมทธิว ไรอัน วิลสัน อายุ 38 ปี สัญชาติ อเมริกัน ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ.231/2564 ลงวันที่ 25 พ.ค. 2564 ข้อหา “ร่วมกันกรรโชกทรัพย์” และ หมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ.193/2564 ลง 5 พ.ค. 2564 ข้อหา “ร่วมกันเรียกค่าไถ่, พยายามฆ่า, อั้งยี่, ช่องโจร, ข่มขืนใจผู้อื่น, ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตราย” ได้ที่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมสืบทราบเบาะแส นายแมทธิว หนึ่งในแก๊งทวงหนี้ข้ามชาติขบวนการดังกล่าว ซึ่งทำหน้าที่เป็นคนล็อคแขนหิ้วปีกพาตัวผู้เสียหายชาวไต้หวันเดินออกจากร้านไปขึ้นรถที่จอดรออยู่นอกร้านนั้น กำลังจะเดินทางหลบหนีออกนอกประเทศ จึงประสานกำลังร่วมกับตำรวจ กก.สส.บก.ตม.2 กก.สส.บก.ตม.2 ลงพื้นที่เฝ้าสังเกตการณ์ กระทั่งพบผู้ต้องหาเดินอยู่บริเวณโถงผู้โดยสารขาออก ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จึงแสดงตัวเข้าจับกุมได้ดังกล่าวก่อนจะนำตัวมา
จากการสอบสวน นายแมทธิว ให้การปฏิเสธ พร้อมกับไม่ขอให้รายละเอียดใดๆในชั้นสอบสวน เบื้องต้นจึงนำตัวส่ง สน.ลุมพินี ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป