ปส.จับกุมเจ้าของอู่ย่านพุทธมณฑล เครือข่ายยาเสพติด พบของกลางเป็นไอซ์ .– ยาบ้า ยึดทรัพย์รวมกว่า 19 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผบช.ปส. , พล.ต.ต.พรชัย เจริญวงศ์” รอง ผบช.ปส. , นายสุรศักดิ์ เจริญศิริโชค ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม, นายสำรวย วรเตชะคงคา ผู้เชี่ยวชาญด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ป.ป.ส.ภ.7 และยุทธการสยบไพรี 64/11 ตอน “สิ้นลายเสือสายสี่” ร่วมแถลงแถลงการจับกุมคดียาเสพติด 1 คดี จับกุมผู้ต้องหาได้ 1 ราย คือ นายบุญช่วย เกษา หรือ แอ็ด ความผิดฐาน “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า หรือเมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต” , “สมคบโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และได้มีการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน” , “ร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน” โดยพบของกลางเป็นยาไอซ์ 100 กก. ยาบ้า 7,986,000 เม็ด พร้อมทั้งตรวจยึดทรัพย์สินเป็นคอนโดจำนวน 1 ห้อง บ้าน จำนวน 2 หลัง , ที่ดินและสวนยางพารา จำนวน 2 แปลงและรถยนต์ จำนวน 5 คัน รวมตรวจยึดทรัพย์สินทั้งสิ้นกว่า 19 ล้านบาท
พล.ต.ต.พรชัย กล่าวว่าสำหรับพฤติการณ์สืบเนื่องจาก วันที่ 30 ต.ค. 2563 กก.2 บก.ปส.2 (ด่านตรวจยานพาหนะสีคิ้ว) ได้จับกุมนายกล้า พัดคำตัน พร้อมด้วยของกลาง ยาไอซ์ 100 กก. จากนั้นจึงขยายผลต่อตนทราบถึงกระบวนการเครือข่าย ต่อมาเมื่อวันที่ 7 เม.ย. 2564 กก.2 บก.ปส.2 สืบทราบว่า จะมีการลำเลียงยาเสพติด จากพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จึงได้สะกดรอยติดตามเรื่อยมา จนสามารถจับกุม นายปรีดา ภูเวียนวงศ์ ผู้ต้องหาตามหมายจับ กับพวก รวม 5 คน พร้อมด้วยของกลาง ยาบ้า 7,986,000 เม็ด ได้ที่ จ.นครราชสีมา
ผู้ต้องในคดีนี้จากการสืบสวนทราบว่า นายบุญช่วย หรือแอ๊ด เกษา เป็นผู้สั่งการในการลำเลียงยาเสพติดดังกล่าว โดยนำรถตู้ของกลางมาดัดแปลงสภาพ เพื่อซุกซ่อนยาเสพติดจำนวนดังกล่าวที่อู่ของตนเอง และให้นายนรากร หรือหนุ่ย พันธ์เพ็ง ซึ่งเป็นลูกน้องขับรถไปรับยาเสพติดที่จังหวัดนครพนม จนถูกจับกุม เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปส.2 จึงรวบรวมพยานหลักฐาน ขออนุมัติศาลออกหมายจับบุคคลทั้งสองคน คือนายบุญช่วย หรือแอ๊ด เกษา และนายนรากร หรือหนุ่ย พันธ์เพ็ง ในข้อหาสมคบฯ และ พ.ร.บ.ฟอกเงินฯ เครือข่ายของนายบุญช่วย หรือแอ๊ด เป็นการใช้พื้นที่ในปริมณฑลโดยเฉพาะพื้นที่พุทธมณฑลเป็นแหล่งพบปะของกลุ่มเครือข่าย ก่อนจะลำเลียงยาเสพติดเพื่อกระจายไปยังพื้นที่ต่าง ๆ โดยมักจะใช้พื้นที่เกี่ยวกับอู่ซ่อมรถยนต์เพื่อแปรสภาพและดัดแปลงรถยนต์เพื่อนนำไปลำเลียงยาเสพติด ซึ่งนิยมใช้รถตู้และรถเก๋งทำเป็นช่องลับเพื่อใส่ยาเสพติด ซึ่งการจับกุมที่ผ่านมาเป็นการจับกุมในส่วนของการลำเลียง แต่ปฏิบัติการครั้งนี้ ได้มีการขยายผลจากคดีเก่าที่ผ่านมา สำหรับรถตู้ที่จับกุมได้ขณะลำเลียงได้มีการดัดแปลงในเรื่องการติดฟิล์มรถที่มีความผิดปกติ เปลี่ยนยางรถใหม่เพื่อความพร้อมในการเดินทางลำเลียง และถอดเบาะออกเพื่อให้ขนยาเสพติดได้
ด้าน พล.ต.ท.มนตรี กล่าวว่า จากนี้จะขยายผลติดตามผู้ต้องหาที่ยังจับไม่ได้ และตรวจสอบอู่ซ่อมรถ โกดัง หรือว่าสิ่งต่างๆที่อาจเป็นที่ซุกซ่อนของยาเสพติดในพื้นที่อำเภอสามพราน และอำเภอกระทุ่มแบนเพื่อกวาดล้างยาเสพติดต่อไป ส่วนเครือข่ายดังกล่าวมีการเชื่อมโยงกับเครือข่ายในพื้นที่อื่นด้วยหรือไม่นั้น พล.ต.ท.มนตรี กล่าวว่า จากการสืบค้นได้พบว่ามีเชื่อมโยงกันทั้งในส่วนของภาคอีสาน, เครือข่ายกุ๊ก ระยอง, เครือข่ายหนูเฉิน ฯลฯ ขณะนี้กำลังติดตามเส้นทางการเดินเงิน, การเดินทาง, และการสื่อสารอยู่ว่าเกี่ยวพันธ์กันมากน้อยแค่ไหน ซึ่งคาดว่าจะมีข่าวดีเร็วๆนี้ เบื้องต้นนายบุญชัย หรือแอ็ด เป็นผู้สั่งการลำดับที่ 2 ให้การปฏิเสธว่าไม่รู้และไม่เห็น แต่รับสารภาพว่าเป็นเจ้าของอู่ พล.ต.ท.มนตรี ยืนยันว่ามีหลักฐานแน่นหนาสามารถดำเนินคดีได้อย่างแน่นอน ส่วนผู้ต้องหาที่หลบหนีไปเป็นคนขับรถเพื่อไปรับยาเสพติด ทางเจ้าหน้าทีจึงได้ขออนุมัติ สำนักงานป้องกันกันและปราบปรามยาเสพติด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 คน โดยขณะนี้ทราบแล้วว่าหลบหนีอยู่ที่ไหน และจะเร่งดำเนินการติดตามตัวมาดำเนินคดีต่อไป