ตำรวจภูธรภาค5 ใช้โครงการชุมชนยั่งยืน จนนำไปสู่การจับกุมยาเสพติด 2 รายสำคัญ พร้อมของกลางยาบ้า 1 ล้านกว่าเม็ด ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ตามนโยบายของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ,พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในการปราบปรามการแพร่ระบาดของยาเสพติด ซึ่งเป็นภัยคุกคามและอาชญากรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสังคมได้สร้างผลกระทบต่อประชาชน และสร้างความเสียหายให้แก่ประเทศชาติเป็นอย่างมาก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร., พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. ,พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร.และ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร./หน.ศอปส.ตร. ได้มอบนโยบายให้ทุกหน่วยเร่งรัดติดตามจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดอย่างจริงจัง ตามแผนปฏิบัติการด้านการแก้ไขปัญหายาเสพติดชายแดนภาคเหนือ เพื่อสกัดกั้นการลักลอบขนยาเสพติดเข้ามาตอนในของประเทศ ให้เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม นั้นในวันที่ 6 พฤศจิกายน 2564 เวลา 09.30 น. กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.5 , พล.ต.ต.พฤทธิพงษ์ ประยูรศิริ รอง ผบช.ภ.5 , พล.ต.ต.วีรชน บุญทวี รอง ผบช.ภ.5 , พล.ต.ต.วรพงค์ คำลือ ผบก.บก.สส.ภ.5, พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ พร้อมด้วยนายวรวิทย์ ชัยสวัสดิ์ รอง ผจว.เชียงใหม่ , นายไกรเลิศ ดาวเรือง ผอ.ปปส.ภาค 5 และ พล.ต.ประสิษฐิพงศ์ มูลดี รอง ผอ.ศอ.บส.ชน. ร่วมแถลงผลการจับกุมยาเสพติดรายสำคัญ ผู้ต้องหาจำนวน 2 ราย พร้อมของกลางยาบ้า รวม 1,040,000 เม็ด โดยได้ใช้โครงการชุมชนยั่งยืนแก้ไขปัญหายาเสพติด ของ นายกรัฐมนตรี จนนำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดในครั้งนี้ เป็นการแจ้งเบาะแสข้อมูลจากแหล่งชุมชน และอดีตผู้เสพยาเสพติด ขยายผลไปถึงผู้ค้ารายย่อย รายกลาง และออกหมายจับผู้ค้ารายใหญ่ในที่สุด ซึ่งได้มีการบูรณาการร่วมกันระหว่างฝ่ายปกครอง ทหารกองทัพภาคที่ 3 และ ปปส.ภาค 5 ดังนี้รายที่ 1 เมื่อวันที่ 3 พ.ย.64 เวลาประมาณ 18.10 – 22.45 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม สภ.ไชยปราการ,สภ.หนองตอง ,สภ.เชียงดาว จว.เชียงใหม่ ,กก.สส.ภ.5 ,ตม.จว.เชียงใหม่ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ ทหาร ฝ่ายปกครอง และ ป.ป.ส.ภาค 5 จับกุมผู้ต้องหา 1 คน พร้อมยาบ้า 700,000 เม็ด ผู้ต้องหาชื่อ นายภวภวภูวนันท์ หรือเอก จันทร์ดี อายุ 46 ปี (3 5004 00022 54 1) ภูมิลำเนาอยู่ที่ ต.เชียงดาว อ.เชียงดาว จว.เชียงใหม่เหตุเกิดบริเวณริมถนนโชตนา หมายเลข 1360 พื้นที่หมู่ 14 ต.ศรีดงเย็น อ.ไชยปราการ จว.เชียงใหม่ ต่อเนื่องบ้านเลขที่ 11 หมู่ 15 ต.เชียงดาว อ.เชียงดาว จว.เชียงใหม่ พฤติการณ์ กล่าวคือ ก่อนเกิดเหตุ นายเอกฯ ผู้ต้องหา ได้ติดต่อสายลับเพื่อว่าจ้างให้ทำการลำเลียงยาเสพติดให้เครือข่าย ลงสู่ จว.ปัตตานี ในราคาเป้ละ 100,000 บาท โดยสายลับได้ทำการตอบตกลงว่าจะช่วยลำเลียงทั้งหมด 7 เป้ รวมค่าจ้าง 700,000 บาท โดยมีการโอนเงินให้กับสายลับก่อนจำนวน 20,000 บาท ผ่านบัญชีธนาคารกรุงไทยของตน และอีก 180,000 บาท ในเวลาต่อมา รวมค่าจ้างล่วงหน้า ตามที่ตกลงกัน 200,000 บาท ต่อมาจึงทำการนัดหมายสถานที่กัน โดยนายเอกฯ ผู้ต้องหา ได้ให้สายลับติดต่อผ่านกับบุคคลในเครือข่ายรายหนึ่ง ที่ทำหน้าที่ในการลำเลียงยาเสพติดจากแหล่งผลิตเข้ามาพักคอยยังพื้นที่ อ.ฝาง และ อ.ไชยปราการ จว.เชียงใหม่ เป็นผู้ใช้โทรศัพท์หมายเลข 081-4394822 ซึ่งจะทำการติดต่อกับสายลับเรื่องการนัดหมายสถานที่ในการรับยาเสพติดดังกล่าว โดยได้แจ้งกับสายลับว่าซุกซ่อนยาไว้ที่บริเวณริมถนนโชตนา หมายเลข 1360 พื้นที่หมู่ 14 ต.ศรีดงเย็น อ.ไชยปราการ จว.เชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงเดินทางไปตรวจสอบ พบของกลางยาเสพติดจำนวน 7 เป้ รวมยาบ้าประมาณ 700,000 เม็ด เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงทำการวางแผนจับกุมนายเอกฯ ในเวลาต่อมาที่บ้านพักของผู้ต้องหา พร้อมกับตรวจยึดของกลาง เป็นโทรศัพท์ ซิมการ์ด ที่มีหลักฐานการติดต่อกับเครือข่าย และสายลับ ทั้งทางเบอร์โทรศัพท์ และแอพพลิเคชั่นไลน์ ชื่อว่า “กระต่ายน้อย” และ “ใจคนยากแท้หยั่งถึง” และสมุดบัญชีพร้อมบัตร ATM ธนาคารกรุงไทยของผู้ต้องหาหมายเลข 5160678743 ที่ใช้ในการโอนเงินค่าจ้างลำเลียงยาเสพติดให้กับสายลับ ซึ่ง นายเอกฯ ได้ยอมรับว่าเป็นผู้ติดต่อและว่าจ้างสายลับในการขนยาเสพติด และตนได้รับการว่าจ้างจากนายเจมส์ มาอีกครั้งหนึ่ง โดยตนจะได้รับค่าจ้างในการติดต่อหาคนลำเลียงยาเสพติด จำนวน 20,000 บาท จากนายเจมส์ ใช้บัญชีธนาคารกสิกรไทยหมายเลขบัญชี 0668496881 ชื่อบัญชี นายนิกร บัวเงิน จึงทำการจับกุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน สภ.ไชยปราการ จว.เชียงใหม่ ดำเนินคดีในข้อหา “ร่วมกับพวกที่หลบหนีมียาเสพติดให้โทษประเภท 1(เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย” ซึ่งขณะนี้ได้รวบรวมพยานหลักฐานและขอให้ศาลออกหมายจับนายเจมส์ฯ ซึ่งเป็นผู้ค้ารายใหญ่ในคดีนี้ไว้เรียบร้อยแล้วรายที่ 2 วันที่ 4 พฤศจิกายน 2564 เวลาประมาณ 16.00 น. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม บก.สส.ภ.5 จับกุมผู้ต้องหา 2 คน พร้อมของกลางยาบ้า 340,000 เม็ด 1.นายอนุพงศ์ สีหมี่ เลขบัตรประจำตัวประชาชน 1571000091647 อายุ 23 ปี ที่อยู่บ้านเลขที่ 104 ม.4 ต.วาวี อ.แม่สราย จ.เชียงราย 2.นายจตุรงค์ มัจฉาวงศ์ เลขบัตรประจำตัวประชาชน 2502001021188 อายุ 23 ปี ที่อยู่บ้านเลขที่ 10 ม.6 ต.เมืองแหง อ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่สถานที่จับกุม บ้านพักเลขที่ 46/3 หมู่ที่ 4 ตำบลสันผีเสื้อ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ พฤติการณ์ เมื่อวันที่ 4 พ.ย.64 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจากสายลับว่า มีผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ นำยาเสพติดมาซุกซ่อนไว้ในบ้านพักเลขที่ 46/3 หมู่ที่ 4 ต.สันผีเสื้อ อ.เมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ จึงได้ลงพื้นที่ไปยังบ้านพักหลังดังกล่าว ทราบว่าผู้เช่าหอพักคือนายอนุพงศ์ สีหมี่ อายุ 23 ปี ที่อยู่บ้านเลขที่ 104 ม.4 ต.วาวี อ.แม่สรวย จ.เชียงราย โดยเจ้าของบ้านพักได้ให้ข้อมูลว่า ผู้เช่าห้องไม่ได้เข้ามาพักอาศัยเป็นเวลานาน จึงได้ทำการสืบสวนทราบว่า นายอนุพงศ์ สีหมี่ พักอาศัยอยู่บ้านเช่าเลขที่ 91/8 ม.2 ต.ดอนแก้ว อ.ดอนแก้ว จ.เชียงใหม่ กับนายนายจตุรงค์ มัจฉาวงศ์ จึงได้เดินทางไปยังบ้านเช่าเลขที่ 91/8 ม.2 ต.ดอนแก้ว อ.ดอนแก้ว จ.เชียงใหม่ เพื่อตรวจสอบ จนเมื่อเวลาประมาณ 16.00 น. ได้พบนายอนุพงศ์ฯ และนายจตุรงค์ ฯ ยืนอยู่บริเวณหน้าบ้านเช่า จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อขอทำการตรวจค้น ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย จึงได้สอบถามนายอนุพงศ์ฯ เพิ่มเติม เกี่ยวกับบ้านพักเลขที่ 46/3 หมู่ที่ 4 ต.สันผีเสื้อ อ.เมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ นายอนุพงศ์ฯ ให้การว่า ได้ไปเช่าบ้านพักหลังนั้น พร้อมกับนายจตุรงค์ฯ จึงได้นำตัวนายอนุพงศ์ฯและนายจตุรงค์ ฯ ไปยังบ้านพักหลังดังกล่าว เพื่อนำตรวจค้น โดยมีนายอนุพงศ์ฯและนายจตุรงค์ ฯ ยินดีเต็มใจและเป็นผู้นำการตรวจค้น ผลการตรวจค้นพบ ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 340,000 เม็ด จากการสอบถามนายอนุพงศ์ฯและนายจตุรงค์ ฯ ให้การรับสารภาพว่ายาบ้าดังกล่าวเป็นของพวกตนจริง โดยได้รับคำสั่งจากนายแจ็คฯ ผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ ซึ่งอาศัยอยู่ประเทศเมียนมาร์ สั่งการให้นำยาเสพติดมาพักไว้ ในบ้านพักเลขที่ 46/3 หมู่ที่ 4 ต.สันผีเสื้อ อ.เมืองเชียงใหม่ จว.เชียงใหม่ โดยได้รับค่าจ้างเป็นจำนวน 40,000 บาท จึงได้จับกุมตัวผู้ต้องหาทั้งสอง ส่งพนักงานสอบสวน สภ.แม่ปิง จว.เชียงใหม่ ดำเนินคดีในข้อหา “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย” โดย ผบช.ภ.5 ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมทำการสืบสวนขยายผลทั้ง 2 คดีเพิ่มเติมต่อไปว่ามีผู้เกี่ยวข้องอื่นๆ อีกหรือไม่ ทั้งผู้สนับสนุน ตัวการร่วม ผู้ค้า ผู้ว่าจ้าง อีกทั้งจะดำเนินการริบทรัพย์สิน ตาม พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 เพื่อทำลายเครือข่ายยาเสพติดทุกเครือข่ายให้หมดไป ตำรวจภูธรภาค 5 จึงขอความร่วมมือมายังพี่น้องประชาชน เพื่อร่วมกันสอดส่องบุคคลหรือยานพาหนะที่มีเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ภายในหมู่บ้าน/ชุมชน โดยสามารถแจ้งข้อมูลผ่านสายด่วนยาเสพติด 1599, สายด่วน 191, line@inthanon1(ผบช.ภ.5) และ Application Police I lert U ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ตำรวจภูธรภาค5 ใช้โครงการชุมชนยั่งยืน จนนำไปสู่การจับกุมยาเสพติด 2 รายสำคัญ พร้อมของกลางยาบ้า 1 ล้านกว่าเม็ด
