เวียงจันทน์, 3 ธ.ค. (ซินหัว) — ช่วงบ่ายวันศุกร์ (3 ธ.ค.) รถไฟขบวนแรกของทางรถไฟจีน-ลาว ออกเดินทางจากนครหลวงเวียงจันทน์ หลังจากทางรถไฟข้ามพรมแดนสายนี้เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการ
รายงานระบุว่าสินค้าส่วนหนึ่งบนรถไฟขบวนปฐมฤกษ์คือผลิตภัณฑ์แร่โพแทช ซึ่งผลิตโดยกิจการร่วมค้าจีน-ลาว “ซิโน-อะกริ อินเตอร์เนชันแนล โพแทช คอมพานี” (Sino-Agri International Potash Company)
“เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ขนส่งผลิตภัณฑ์ผ่านรถไฟขบวนแรกที่มุ่งสู่จีน การดำเนินงานของทางรถไฟสายนี้จะช่วยส่งเสริมการผลิตและการส่งออกโพแทสเซียมของลาว” ถงหย่งเหิง ผู้จัดการทั่วไปของบริษัทฯ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซินหัว
ไซ มะนีทอง ช่างเทคนิคประจำห้องปฏิบัติการท้องถิ่นของบริษัทฯ เผยว่าการเปิดบริการทางรถไฟลาว-จีน เป็นสิ่งที่ชาวลาวรอคอยมานานหลายทศวรรษ และเป็นข้อพิสูจน์มิตรภาพระหว่างสองประเทศ
“บริษัทของเรายังโอบรับโอกาสเพื่อการพัฒนาที่ดียิ่งขึ้น พนักงานของบริษัทฯ รวมถึงประชาชนท้องถิ่นจะมีชีวิตที่ดีขึ้น เพราะการเปิดบริการทางรถไฟสายนี้” ไซกล่าว
ทางรถไฟขนส่งผู้โดยสารและสินค้าที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า ความยาว 1,035 กิโลเมตร ซึ่งเชื่อมระหว่างนครคุนหมิง เมืองเอกของมณฑลอวิ๋นหนาน (ยูนนาน) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน และนครหลวงเวียงจันทน์ของลาว ใช้มาตรฐานทางเทคนิคของจีนอย่างเต็มรูปแบบ และประกอบด้วยทางรถไฟสองส่วน
ทางรถไฟส่วนของลาวจากด่านบ่อเต็นถึงเวียงจันทน์เริ่มก่อสร้างเมื่อเดือนธันวาคม 2016 ขณะทางรถไฟส่วนของจีนจากเมืองอวี้ซีถึงตำบลโม๋ฮันที่อยู่ติดพรมแดนเริ่มก่อสร้างเมื่อเดือนธันวาคม 2015
ทางรถไฟจีน-ลาว ซึ่งถือเป็นโครงการเชื่อมต่อสำคัญภายใต้แผนริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (BRI) ที่นำเสนอโดยจีน และยุทธศาสตร์ของลาวที่ต้องการเปลี่ยนตนเองจากประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเลเป็นศูนย์กลางการเชื่อมต่อทางบก มีนัยสำคัญยิ่งยวดต่อการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม สังคม และเศรษฐกิจระดับทวิภาคี รวมถึงความเชื่อมโยงระดับภูมิภาค
การเดินทางจากคุนหมิงสู่เวียงจันทน์จะใช้เวลาประมาณ 10 ชั่วโมง ซึ่งนับรวมระยะเวลาของพิธีการทางศุลกากร ด้วยความเร็วในการวิ่งบริการสูงสุด 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ถงกล่าวว่าสายการผลิตโพแทสเซียมรายปีของบริษัทฯ ซึ่งมีกำลังการผลิต 1 ล้านตัน ในแขวงคำม่วนทางตอนกลางของลาว ได้เข้าสู่ระยะนำร่องเมื่อไม่นานนี้ โดยบริษัทฯ กำลังวางแผนจัดตั้งสายการผลิตหนึ่งล้านตันเส้นที่สองและสาม ซึ่งจะช่วยให้ผลิตผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีขั้นสูงและจ้างงานประชาชนท้องถิ่นเพิ่มขึ้น
