ตำรวจชุดสืบสวนกองบังคับการตำรวจนครบาล 8 ควบคุมตัว นายอนุสรณ์ หรืออิ๋ว บัวประเสริฐ อายุ 37 ปี ผู้ต้องหา ที่ใช้อาวุธสงครามยิง นายสมบูรณ์ หรือนาว แซ่กัง อายุ 50 ปี เสียชีวิต และกระสุนยังไปถูก นางสุปราณี หรือกุ้ง น้อยวัฒน์ อายุ 41 ปี เข้าที่ท้อง ต้นแขนขวา และใบหน้า ได้รับบาดเจ็บสาหัสขณะนี้นอนรักษาตัวอยู่ที่ รพ.เลิดสิน เหตุเกิดภายในซอยกรุงธนบุรี 6 แยก 4 เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 29 มกราคมที่ผ่านมา ออกจากห้องสอบสวนหลังสอบปากคำเพิ่มเติมเพื่อตามหาอาวุธปืนของกลางที่ใช้ก่อเหตุซึ่งผู้ต้องหารับสารภาพว่าหลังก่อเหตุได้นำอาวุธปืนไปทิ้งลงในคลองบริเวณสะพาน ถนนเลียบด่วนทุ่งครุ ก่อนจะขับรถจักรยานยนต์ที่ใช้ก่อเหตุขับรถไปหานายจ้างที่จังหวัดนครราชสีมา จนกระทั่งถูกตำรวจติดตามจับกุมตัวได้เมื่อวานที่ผ่านมา โดยระหว่างที่ตำรวจควบคุมตัวผู้ต้องหาผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามแต่ผู้ต้องหาปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์
ต่อมาชุดสืบสวนได้นำ นายอนุสรณ์ หรือ อิ๋ว มาชี้จุดที่ผู้ต้องหาให้การว่านำอาวุธปืนมาทิ้งไว้ที่บริเวณสะพานข้ามคลองบางระนก ถนนเลียบทางด่วนทุ่งครุ ใกล้กับโรงเรียนสวนกุหลาบธนบุรี ซึ่งชุดสืบสวนได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดใกล้เคียงกับจุดที่ผู้ต้องหาระบุว่าเป็นจุดทิ้งของกลาง จนพบภาพผู้ต้องหาขับขี่รถจักรยานยนต์มาทิ้งตรงจุดตามที่ผู้ต้องหาให้ปากคำ จึงได้ประสานนักประดาน้ำของมูลนิธิปอเต็กตึ้ง ลงค้นหาจนกระทั่งเวลาผ่านไป 2 ชั่วโมง จึงพบอาวุธปืน m16 พร้อมด้วยแม็กกะซีนบรรจุกระสุนแต่ไม่พบว่ามีกระสุนบรรจุอยู่ ซึ่งเป็นของกลางอยู่ในถุงพลาสติกสีดำจมอยู่ในน้ำใต้สะพาน ชุดสืบสวนจึงได้นำขึ้นมาตรวจสอบ
ด้าน พลตำรวจตรีมานพ สุคนธ์ธนพัฒน์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 8 ที่ลงพื้นที่มาร่วมในการค้นหาอาวุธปืนด้วย เปิดเผยว่า เบื้องต้นพบว่าอาวุธของกลางที่พบ เป็นปืน m16 รุ่น m4 ยืนยันว่าเป็นปืนอาวุธสงครามของจริงไม่ใช่เป็นปืนดัดแปลง และได้ประสานเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเข้ามาตรวจสอบวามีตีตราเลขอยู่หรือไม่ ส่วนพี่ตัวปืนยังไม่พบว่ามีการตีตราของหน่วยงานราชการแต่อย่างใด
ส่วนมูลเหตุของการก่อเหตุผู้ต้องหาให้การว่าเกิดจากตัวเองถูกทำร้ายและรู้สึกเสียศักดิ์ศรีประกอบกับอาการมึนเมาจึงก่อเหตุขึ้นแต่ที่ผ่านมาก็ไม่พบว่าเคยมีการกระทำผิดมาก่อนส่วนการที่มีอาวุธปืนสงครามไว้ในครอบครองนั้น จากการตรวจสอบประวัติ ก็ไม่มีการกระทำที่ชี้ชัดว่าจะเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่
สำหรับอาวุธปืนสงครามที่ใช้ก่อเหตุนี้ ผู้ต้องหาให้การอ้างว่า มีเพื่อนนำมาฝากเอาไว้ได้ประมาณ 3 เดือนแล้ว ซึ่งหลังได้ปืนมา ผู้ต้องหาก็เก็บเอาไว้ภายในบ้านอย่างมิดชิด ไม่เคยให้ใครรู้มาก่อน อย่างไรก็ตาม ตำรวจจะต้องพิสูจน์ทราบถึงที่มาของปืนที่แท้จริงต่อไป เบื้องต้นจากภาพ คาดว่าน่าจะเป็นปืนชนิด M16 แต่ยังคงไม่สามารถยืนยันได้จนกว่าจะได้ตัวปืนของจริงมา
ส่วนกรณีที่ปรากฏภาพว่าผู้ต้องหามีการใช้อาวุธปืนอย่างเชี่ยวชาญนั้น ตำรวจได้มีการตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นการไปซ้อมยิงปืนในสนามยิงปืน และปืนที่ปรากฏก็ตรวจสอบแล้วว่าเป็นปืนคนละกระบอกกับที่ใช้ก่อเหตุ โดยเป็นปืนที่มีทะเบียน มีเจ้าของถูกต้อง ซึ่งจากการสอบถามเจ้าของสนามยิงปืนพบว่า ผู้ต้องหาไม่ได้ไปซ้อมยิงปืนนานกว่า 6 เดือนแล้ว
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสอบสวน ผู้ต้องหามีอาการเครียดชัดเจน ไม่เหมือนผู้ที่ก่อเหตุอย่างเชี่ยวชาญหรือมืออาชีพ แต่เป็นลักษณะของคนที่ไม่เคยก่อเหตุมาก่อน ซึ่งผู้ต้องหาก็ได้ให้ความร่วมมือในการสอบสวนอย่างดี แต่ในส่วนของการทำแผนนั้น ผู้ต้องหาไม่ประสงค์ที่จะไปทำแผน