วันนี้(วันจันทร์ที่ 14 ก.พ. 65) เวลา 16.00 น.พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7เป็นประธานในการประชุม “ประชุมเพื่อมอบนโยบายการบริหารราชการให้แก่ข้าราชการตำรวจ สังกัด ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์”พร้อมด้วยพ.ต.อ.คมเดช ดอนปิ่นไพรผกก.ฝอ.6 บก.อก.ภ.7โดยมีพล.ต.ต.วันชัย ธารณธรรมผบก.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์พ.ต.อ.กิตติภพ ชมภูนุชรอง ผบก.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์พ.ต.อ.พนิช อ่วมสอาดรอง ผบก.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์พ.ต.อ.วิธิวัฒน์ ศรีทองจ้อยรอง ผบก.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์พ.ต.อ.อำนาจ โฉมฉายรอง ผบก.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์พ.ต.อ.ภาคภูมิพิพัฒน์ พูลศิริโภคารอง ผบก.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์พ.ต.อ.ภาคภูมิ โห้ใยรอง ผบก.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์คณะ กต.ตร.ประจวบคีรีขันธ์ผกก., รอง ผกก., สว. และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมการประชุมโดยก่อนการประชุมผู้เข้าร่วมประชุมได้รับตรวจการติดเชื้อโควิด-19 เบื้องต้น (ATK) ผลการตรวจไม่มีผู้เข้าร่วมประชุมถูกตรวจพบเชื้อโควิด-19ได้กำชับให้ปฏิบัติดังนี้1. นำนโยบายรัฐบาล วิสัยทัศน์ ผบ.ตร. “เป็นองค์กรบังคับใช้กฎหมายที่นำสมัย ในระดับมาตรฐานสากล เพื่อให้ประชาชนเชื่อมั่นศรัทธา” วิสัยทัศน์ตำรวจภูธรภาค 7 “ภักดีองค์ราชันมุ่งมั่นสร้างศรัทธา พัฒนาเป็นมืออาชีพ บังคับใช้กฎหมายอย่างเท่าเทียม เป็นธรรม นำสมัย เพื่อให้ประชาชนเชื่อมั่นและศรัทธา” และวิสัยทัศน์ ผบช.ภ.7 “ทำงานเชิงรุก เป็นตำรวจมืออาชีพ เพื่อความผาสุกของประชาชน” ไปปฏิบัติให้เห็นผลเป็นรูปธรรม2. ต้องทำงานกันเป็นทีม ยึดมั่นในระเบียบวินัย บำบัดทุกข์บำรุงสุขให้กับประชาชน และดำรงตนอย่างมีเกียรติ3. การทำงานต้องประกอบด้วย “หลักการทำงาน 4443″3.1 “4 เกาะ” เกาะติดพื้นที่ เกาะติดประชาชน/มวลชน/และชุมชน เกาะติดคนร้ายหรือเกาะติดศัตรูของประชาชน และเกาะติดผู้ใต้บังคับบัญชาหรือเกาะติดลูกน้อง3.2 “4 ยก” ยกระดับองค์ความรู้ ยกระดับวิธีคิด ยกระดับวิธีการทำงาน และ ยกระดับการใช้ดุลพินิจ3.3 “4 ทำ” ทำงาน ทำดี ทำบุญ และมีภาวะผู้นำ3.4 “3 S” Smart Smile Strong4. ให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับ กวดขัน กำกับ ดูแล สอดส่องความประพฤติ และพฤติกรรมของข้าราชการตำรวจภายใต้การปกครองบังคับบัญชา ให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบข้อบังคับ คำสั่ง แบบแผนธรรมเนียมของทางราชการอย่างสม่ำเสมอโดยใกล้ชิด และสร้างขวัญกำลังใจ ความสามัคคี ภาพลักษณ์ของตำรวจให้ดีขึ้น และสร้างความเชื่อถือศรัทธาแก่ประชาชนเพื่อให้ยอมรับว่าข้าราชการตำรวจเป็นมิตรที่ดีของประชาชน เป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์อย่างแท้จริงตามคำสั่งกรมตำรวจ ที่ 1212/2537 ลง 1 ต.ค. 2537 เรื่อง มาตรการควบคุมและเสริมสร้างความประพฤติและวินัยข้าราชการตำรวจ5. ให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับ ตรวจสอบควบคุมกำกับดูแลผู้ใต้บังคับบัญชา ไม่ให้เข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด การกระทำความผิดใด ๆ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ห้ามมิให้เรียกรับผลประโยชน์ การจับกุมในลักษณะกลั่นแกล้ง มีส่วนพัวพันกับการกระทำความผิด หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต หากพบว่ามีการกระทำความผิดให้ดำเนินการทางวินัย คดีอาญาและปกครองอย่างถึงที่สุด6. ให้ทุกหน่วยดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และผบ.ตร./รอง ผบ.ตร. โดยเคร่งครัด และต้องมีแผนปฏิบัติการทำงานเชิงรุก เป็นแผนยุทธการในแต่ละพื้นที่7. กำชับให้หัวหน้าหน่วยทุกระดับรายงานเหตุอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญ และเหตุที่น่าสนใจ รวมทั้งเหตุที่ผู้บังคับบัญชา สื่อมวลชน และประชาชน ให้ความสนใจ ซึ่งเหตุที่จะต้องรายงาน หัวหน้าหน่วยย่อมใช้ดุลยพินิจได้ ให้รายงานเหตุทันทีอย่าให้ล่าช้าได้8. การขับเคลื่อนงานทุกหน้างาน ทุกด้าน ทุกภารกิจ และการเร่งรัดติดตามคดี จะใช้ ศปก.ภ.7 เป็นตัวขับเคลื่อน โดยกำหนดให้มีการประชุม ศปก.ภ.7 ทุกวันพุธ เวลา 09.00 น. ให้ ผบก./หัวหน้าสถานี เข้าร่วมประชุมด้วยตนเอง9. ให้ทุกหน่วยงานตั้งทีมโฆษก ทีมประชาสัมพันธ์ ทีม IO ของทุกหน่วย เฝ้าระวังข่าวปลอม (FAKE NEW) และประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบข้อมูลที่แท้จริง10. ให้ทุกหน่วยจัดทำแผนงาน/โครงการ ในการแก้ปัญหาหนี้สินให้กับกำลังพล จัดและหาสวัสดิการให้ผู้ใต้บังคับบัญชาทุกระดับและครอบครัวให้มีความเป็นอยู่ที่ดี โดยดำเนินการขับเคลื่อนให้เกิดเป็นรูปธรรม11. ผู้บังคับหน่วยทุกระดับ ผบก./หัวหน้าสถานี ต้องอยู่ในพื้นที่ สามารถดำรงการติดต่อได้ตลอดเวลา ทั้งทางโทรศัพท์ และทางLINE หรือทาง CONFERENCE และให้เฝ้าฟังศูนย์วิทยุเพื่อควบคุมสั่งการ ตลอดจนให้มีความพร้อมสามารถรับข้อสั่งการทั้งทางโทรศัพท์ และทางLINE ได้ตลอดเวลา หากออกนอกพื้นที่ต้องมีการขออนุญาตให้ถูกต้อง12. ให้ข้าราชการตำรวจทุกนายที่ปฏิบัติหน้าที่จิตอาสา ประพฤติตนให้เป็นแบบอย่าง และเคร่งครัดต่อการปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับการฝึกอบรม ห้ามมิให้กระทำการอันก่อให้เกิดความเสื่อมเสียโดยเด็ดขาด13. ให้ ผบก.ทุกหน่วย กำชับการปฏิบัติหน้าที่ของหัวหน้าหน่วยให้อยู่ปฏิบัติหน้าที่ควบคุมกำกับการปฏิบัติงานของกำลังพลในสังกัดโดยเคร่งครัด หากมีปัญหาใดเกิดขึ้นหัวหน้าหน่วย/หัวหน้าสถานีต้องเป็นคนแรกที่แก้ไขปัญหานั้น ๆ14. มุ่งเน้นการป้องกันอาชญากรรมเป็นเป้าหมายหลัก คือการควบคุม และลดความรุนแรงของการเกิดอาชญากรรม ลดความหวาดระแวงของประชาชนเพื่อให้ประชาชนรู้สึกปลอดภัย/หากมีคดีเกิดฝ่ายสืบสวนต้องเร่งรัดติดตามจับกุมให้ได้โดยเร็ว/ฝ่ายป้องกันปราบปรามต้องวิเคราะห์สภาพอาชญากรรมวางมาตรการไม่ให้เกิดเหตุซ้ำอีก เพิ่มความเข้มในการป้องกันอาชญากรรมทุกมิติ ขับเคลื่อนงานป้องกันอาชญากรรม ให้บรรลุตัวชี้วัดตามยุทธศาสตร์การรักษา ความปลอดภัยของตร.ในทุกด้าน15. พัฒนาระบบบริหารจัดการหมายจับ(CCOC) และระบบบริหารจัดการสถานีตำรวจ(CRIMES) โดยให้หน่วยที่เกี่ยวข้องไปตรวจสอบ และกรอกข้อมูลลงในระบบให้เป็นปัจจุบัน16. คดีอาญา 4 กลุ่ม ให้มีการติวเข้า เร่งรัดติดตามจับกุม คดีที่เกิดขึ้นในทุกพื้นที่ ให้บรรลุเป้าหมายตัวชี้วัดของ ตร.17. บังคับใช้กฎหมายตาม พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. 2558 อย่างเคร่งครัด ให้ทุกหน่วยจัดทำแผนการชุมนุมสาธารณะ แผนเผชิญเหตุ และมีการซักซ้อมตามแผนอย่างสม่ำเสมอ พร้อมปฏิบัติเมื่อสั่ง18. งานสอบสวน การอำนวยความยุติธรรมทางอาญา ให้มีการบังคับใช้กฎหมายให้เป็นธรรมและเท่าเทียม ไม่เลือกปฏิบัติ19. การดำเนินการกิจกรรมจิตอาสาและ LOCAL CAT โดยถือเป็นนโยบายหลักของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมีแผนการปฏิบัติที่ชัดเจน เช่น แผนการปฏิบัติงานประจำปี แผนการปฏิบัติงานรายไตรมาตร หรือแผนการปฏิบัติงานตามสถานการณ์ ทั้งนี้มีการติดตามผลการปฏิบัติเป็นรูปธรรมอย่างต่อเนื่อง20. งานยาเสพติดถือเป็นนโยบายหลักของรัฐบาล และ ตร. ให้ทุกหน่วยจัดทำฐานข้อมูลบุคคลที่มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติด/ฐานข้อมูลเครือข่ายกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดไว้ให้เป็นปัจจุบัน เมื่อมีการจับกุมยาเสพติด ให้มีการขยายผลทุกราย21. กำชับเรื่องความรักความสามัคคีในหมู่คณะ ให้อยู่ด้วยกันแบบพี่น้อง ให้เกียรติซึ่งกันและกัน อย่าเอาเรื่องในบ้านของตนเองไปพูดข้างนอก ให้รู้หน้าที่มีวินัยณ ห้องประชุมสำนักงานเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ ต.ประจวบคีรีขันธ์ อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ จ.ประจวบคีรีขันธ์
ผบช.ภ.7มอบนโยบายเน้นป้องกันอาชญากรรมในพื้นที่ภาค7
