นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ช่วย ส.ส.เขตสายไหม ระบุว่า เมื่อวันที่ 8 มีนาคม เด็กสาวผู้เสียหายอายุ 14 ปี ได้นัดกินข้าวฉลองปิดภาคเรียนกับกลุ่มเพื่อนประมาณ 5-6 คน ที่บ้านของเพื่อนชายภายในซอยพหลโยธิน 52 แต่เมื่อกินเลี้ยงกันจนเย็น พ่อของเพื่อนชายก็มานั่งทานอาหารและดื่มสุราด้วย โดยยังมีการเสพสารเสพติด จากนั้นเพื่อนๆ ทยอยกลับไปทีละคน เนื่องจากบางคนขี่รถจักรยานยนต์มาเอง และเพื่อนชายก็ไปต่างจังหวัดกับญาติ โดยฝากให้พ่อไปส่งผู้เสียหาย แต่พ่อบ่ายเบี่ยง อ้างว่าดื่มสุราจนเมามาย จึงให้ผู้เสียหายนอนค้างที่บ้าน บริเวณโซฟาชั้นล่าง ซึ่งมีเพื่อนพ่ออีกคนนอนอยู่ด้วย ส่วนพ่อขึ้นไปนอนกับภรรยาชั้นบน จนกระทั่งเวลาประมาณตี 5 ผู้เป็นพ่อก็ลงมาหาผู้เสียหาย ลวนลามบริเวณหน้าอก และใช้กำลังข่มขืน หากผู้เสียหายร้อง ก็ง้างมือขู่จะตบ ทำให้ผู้เสียหายหวาดกลัว
หลังเกิดเหตุ ผู้เสียหายได้เล่าให้เพื่อนสนิทฟัง เพื่อนจึงพาเข้าแจ้งความ และได้ลงบันทึกประจำวันไว้เมื่อวันที่ 14 มีนาคม และได้ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลภูมิพลฯ แพทย์ก็พบร่องรอยการล่วงละเมิดทางเพศ แต่เมื่อผู้ก่อเหตุทราบเรื่อง ก็พาลูกชายมาข่มขู่เพื่อนผู้เสียหาย โดยตัวลูกชายใช้หมวกกันน็อคตีเข้าที่ศีรษะเพื่อนผู้เสียหาย ส่วนพ่อก็ได้เปิดเสื้อโชว์อาวุธปืน ทำให้เพื่อนไม่กล้ามาเป็นพยาน
ทั้งนี้เมื่อทีมข่าวโทรศัพท์ไปสอบถามผู้ก่อเหตุ ผู้ก่อเหตุก็ให้การปฏิเสธ ยืนยันว่าไม่ได้ลวนลามหน้าอก หรือล่วงละเมิดทางเพศผู้เสียหายแต่อย่างใด เพียงลงมาปลุกเพื่อให้กลับบ้านเท่านั้น และไม่ได้มีการไปพกปืนไปข่มขู่ แต่ยอมรับว่าลูกใช้หมวกกันน็อคตีศีรษะเพื่อนผู้เสียหาย แต่เป็นเพราะมีปากเสียงเรื่องด่าบุพการีกันเท่านั้น ไม่ใช่การข่มขู่ และเรื่องยาเสพติด ยอมรับว่ามีการเสพกัญชากับดื่มสุรา แต่เป็นกลุ่มผู้เสียหายเองก็มีการเสพยาเคตามีนเช่นกัน
ด้านพันตำรวจโทสราวุธ บุตรดี รองผู้กำกับการ(สอบสวน) สน.บางเขน เปิดเผยว่า ทราบตัวผู้ก่อเหตุแล้ว อยู่ระหว่างให้พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ เพื่อขอศาลออกหมายจับ ซึ่งคาดว่าเข้าข่ายข้อหาข่มขืนกระทำชำเรา ส่วนข้อหาพรากผู้เยาว์ และพาบุคคลอื่นไปเพื่อการอนาจาร อยู่ระหว่างการสอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้อง
