ต่อมาในวันที่ 20 มี.ค. นายวสันต์ได้นำสร้อยทองดังกล่าวที่ชิงมาจากร้านทองในพื้นที่ย่านภาษีเจริญ นำไปขายที่ร้านทองเพชรยินดี ย่านห้วยขวาง
จากนั้นกลางดึกของคืนวันที่ 21 มี.ค.ต่อเนื่อง 22 มี.ค. นายวสันต์ได้ไปก่อเหตุลักขโมยจักรยานยนต์ภายในหมู่บ้านเอื้ออาทร ย่านหทัยราษฎร์ ในพื้นที่ สน.นิมิตรใหม่ และไปตระเวนจัดหาเสื้อวินมอเตอร์ไซค์ ก่อนขับขี่รถจักรยานยนต์คันดังกล่าวพร้อมสวมเสื้อวินมอเตอร์ไซค์ หมายเลข 16 มาพยายามชิงทรัพย์ร้านทองเพชรยินดี ย่านห้วยขวาง โดยภาพวงจรปิดของทางร้าน ก็สามารถจับภาพนายวสันต์ ผู้ต้องหา ขณะเข้ามาภายในร้าน โดยมีพนักงานประจำจุดขายทำการปลดล็อคประตูร้านทองให้นายวสันต์ และเมื่อเข้ามาได้ นายวสันต์ก็หยิบปืนปลอมออกมา เมื่อพนักงานในร้านเห็น ก็รีบวิ่งหนีเข้าภายในหลังร้าน ก่อนแจ้งตำรวจผ่านแอปพลิเคชั่น Pollice I Leart U ทำให้ผู้ต้องหารีบวิ่งหนีออกร้าน ก่อนขับรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวหลบหนีไป
จากการสอบสวนพนักงานภายในร้าน พบรูปร่างและลักษณะของคนร้าย ใกล้เคียงกับลูกค้าเก่าของทางร้านเมื่อวันที่ 20 มี.ค.ที่ผ่านมา ที่เคยนำสร้อยคอทองคำ จำนวน 2 เส้น หนัก 2 บาท มาขาย พร้อมยื่นบัตรประชาชนประกอบการขาย และสอดคล้องกับภาพวงจรปิดของตำรวจ สน.ภาษีเจริญ ขณะคนร้ายเข้าชิงทองภายในร้านทองแห่งหนึ่งย่านภาษีเจริญ ซึ่งพบว่ารูปพรรณสัณฐานตรงกัน ตำรวจจึงติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีได้
จากการสอบสวน ผู้ต้องหารับสารภาพว่าเป็นคนร้ายที่ก่อเหตุจริงๆ เนื่องจากก่อนหน้านี้ผู้ต้องหาเคยติดโควิด-19 ทำให้ต้องพักรักษาตัวนานกว่า 1 เดือน หลังจากรักษาหาย ก็ตกงาน ประกอบกับมีลูกที่ต้องดูแลรับผิดชอบถึง 5 คน จึงตัดสินใจก่อเหตุดังกล่าว หวังนำเงินไปใช้ดูแลจุนเจือครอบครัว และจากการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมของคนร้ายนั้น ไม่พบประวัติคดีชิงทรัพย์แต่อย่างใด พบเพียงประวัติเคยก่อเหตุทำร้ายร่างกายเมื่อปี 2562