วันที่ 3 เม.ย. ที่ตลาดยิ่งเจริญ เขตบางเขน กทม. นายสกลธี ภัททิยกุล ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 3 ในนามอิสระ ลงพื้นที่หาเสียง ภายในตลาดยิ่งเจริญเพื่อแนะนำตัวกับพี่น้องประชาชนและบรรดาพ่อค้าแม่ค้า รวมทั้งสอบถามปัญหาต่างๆ อาทิ ระบบสาธารณูปโภคต่างๆภายในตลาดพฤติกรรมการจับจ่ายซื่อของใช้สอย และความสะดวกในการให้บริการต่างๆเพื่อนำไปเป็นแนวทางในการพัฒนาตลาดอื่นๆทั่วกทม.
โดยนายสกลธี กล่าวว่า การลงพื้นที่ในวันนี้เป็นการแนะนำตัวกับประชาชน และบรรดาพ่อค้าแม่ค้า โดยตนตั้งใจจะลงไปในหลายพื้นที่ เพราะการหาเสียงของผู้ว่าฯ กทม. ประกอบด้วยหลายส่วน ซึ่งจุดหลักๆคือ การลงพื้นที่พบประชาชน และทำสื่อสังคมออนไลน์ เพราะ กทม. เป็นพื้นที่ใหญ่ต้องอาศัยการหาเสียงหลายรูปแบบประกอบกัน จึงเป็นที่มาของการมาตลาดยิ่งเจริญวันนี้ ถึงแม้ฝนตกก็ไม่เป็นไร ทำให้อากาศเย็นสบาย ซึ่งตนจะเน้นดูเรื่องการจับจ่ายใช้สอย เพราะเป็นฐานรากสำคัญของกทม. เพราะกทม. มีสำนักงานตลาดดูแลอยู่หลายแห่ง จึงคิดว่ายังสามารถเพิ่มอีกหลายจุดได้ และอยากให้สำนักงานตลาดเข้าไปช่วย รวมทั้งวันนี้มาเดินตลาด เพื่อเป็นแนวทางพัฒนาต่อไป
ส่วนตัวมองว่ากทม.มีปัญหาแต่ละเขตเยอะมากทั้งถนนท่อระบายน้ำ หรือน้ำ-ไฟที่ยังไม่เข้าถึง เพราะฉะนั้นคนที่จะเป็นผู้ว่าฯกทม.คนต่อไปจะต้องวางแผนการจัดงบประมาณให้สมดุล บางครั้งโครงการสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ก็ต้องทำ แต่ต้องไปดูว่าคุ้มค่าหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาบางโครงการยังไม่จำเป็นต้องทำเอาเงินกระจายไปตามเขตดีกว่า ซึ่งผอ.แต่ละเขตมีเงินลงมาพัฒนาพื้นที่น้อยมาก บางเขต2-3 ล้านต่อเขต ขณะที่เรื่องร้องเรียนของประชาชนมีประมาณ 20- 30 เรื่องต่อปี ซึ่งต้องรองบประมาณ แต่ถ้าเราบริหารจัดการได้ดีกระจายตามเขตต่างๆได้มากขึ้น ปัญหาพื้นฐานของประชาชนแต่ละเขตก็จะได้รับการแก้ไขให้ดีขึ้น
ส่วนกรณีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สนับสนุนคนทำงาน ซึ่งคนตีความว่าเป็นพล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง อดีตผู้ว่าฯกทม. และ ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. หมายเลข 6 ในนามอิสระนั้น ส่วนตัวไม่แน่ใจว่านายกฯคิดอย่างไร แต่คงพูดกลางๆ ตนคิดว่าคนที่จะมาเป็นผู้ว่าฯกทม.ต้องได้คนทำงานอยู่แล้ว เพราะปัญหามีเยอะจุกจิกถ้าได้แต่คนที่พูดอย่างเดียวก็คงแก้ปัญหาไม่ได้ โดยตนจะลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชน แต่ด้วยเป็นพื้นที่กว้าง 50 เขต ไม่เหมือนลงพื้นที่ ส.ส. เขต ดังนั้นลงพื้นที่อย่างเดียวคงไม่พอ ต้องอาศัยสื่อสังคมออนไลน์หลายๆช่องทางช่วยแนะนำตัวให้ได้กว้างขวางที่สุด
โดยจะพยายามไปในหลายหลายที่ให้ได้มากที่สุด ถ้าเจอกันก็สามารถมาทักทาย พูดคุย เสนอปัญหาและแนะนำได้เต็มที่ เพราะในฐานะที่เคยเป็นรองผู้ว่าฯกทม.มา 4 ปี ก็จะเจอประชาชนร้องเรียนเยอะมาก ซึ่งตนเก็บในหลายสิ่งที่ยังไม่ได้ทำ หรือเราไม่มีอำนาจ มาเป็นนโยบาย และหากตนได้เป็นผู้ว่าฯกทม.ก็จะเอาปัญหาทุกอย่างมาวางแผนและทำต่อไป
ส่วนการลงพื้นที่ที่ผ่านมาได้รับเรื่องร้องเรียน อะไรบ้างนั้น โดยหลักๆจะเป็นเรื่องจราจรและน้ำท่วมที่เหลือเป็นปัญหาประปาโดยเฉพาะเขต เช่นเขตราษฎร์บูรณะ และเขตทุ่งครุบางหมู่บ้านน้ำประปา และสาธารณูปโภคต่างๆยังเข้าไม่ถึงเท่าที่ควร
ส่วนปัญหาเรื่องป้ายที่ติดตามจุดต่างๆทั่วกทม.นั้น ตนได้ย้ำกับทีมงานที่ติดป้าย ให้ระวังอย่าทำความเดือดร้อนคนเดินเท้า หรือเดินรถ ดังนั้นจึงอยากขออภัยด้วย หากมีปัญหาจะรีบไปแก้ไขทันที ซึ่งมีการเข้าไปแก้ไขและถ่ายรูปเก็บไว้ แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าบางจุดไม่ได้ติด แล้วมันเป็นสภาพที่ไม่เหมือนเดิม ก็ตั้งข้อสังเกตว่าอาจเป็นเพราะลมฟ้าอากาศ หรือมีคนไม่หวังดีหรือไม่ เพราะป้ายก็เลื่อนจากจุดที่ติดไปเยอะ บางจุดก็เสียหายไปเยอะ เหมือนไม้หักบ้าง อะไรบ้าง แต่ได้ย้ำทีมงานแล้วให้ระวังอย่างเต็มที่
ส่วนคู่แข่งตอนนี้ก็ยังวัดไม่ได้ เพราะทุกคนยังแนะนำตัวและเสนอนโยบาย ก็ดูสูสีกันทุกคน แต่ตนได้รับกระแสที่ดีขึ้น เพราะก่อนหน้านี้ยังไม่ชัดเจนเรื่องของการสมัครชิงตำแหน่งผู้ว่าฯกทม. พอลาออกมาได้แนะนำตัวได้เสนอนโยบายไปเวทีดีเบต คนก็รับรู้มากขึ้น ซึ่งสื่อตามโซเชียลของตนต่างๆ มีผู้ชมเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว
นอกจากนี้ตนมีทำการโพลล์อย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ก่อนจะลาออก จนตอนนี้ความนิยมส่วนตัวก็เพิ่มขึ้นน่าจะใกล้ๆ 10% ซึ่งคนที่นำก็นำอยู่ แต่อาจไม่มาก ไม่ห่างเหมือนแต่ก่อน และคนไม่ตัดสินใจเกือบ 30%
ทั้งนี้จะมีการปราศรัย 2 ครั้ง คือฝั่งพระนคร 1 ครั้งและฝั่งธน 1 ครั้ง แต่ตอนนี้กำลังดูจุดที่เหมาะสมในการปราศรัย ส่วนหัวข้อหลักๆก็จะเป็นเรื่องของนโยบายที่นำเสนอและเปิดเวที พูดคุยกับพี่น้องประชาชนแบบสบายๆ รวมทั้งเชิญบุคคลที่ ช่วยงานและให้การสนับสนุนมาร่วมปราศรัยด้วย