เมื่อวันที่ 2 3 พ.ค.2565(เวลา 12.00.น.)พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร.เปิดเผยว่า จากกรณีเมื่อวันที่ 18 พ.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หางน้ำสาคร ภ.จว.ชัยนาท ได้รับแจ้งเหตุพบศพหญิงสาว ไม่ทราบชื่อ จำนวน 2 ราย บริเวณป่าละเมาะ ริมถนนสายบ้านหนองตาตน ต.อู่ตะเภา อ.หางน้ำสาคร จ.ชัยนาท ในเบื้องต้นไม่ทราบว่าศพทั้งสองเป็นใคร และสภาพร่างกายไม่พบร่องรอยบาดแผลจากการถูกทำร้าย ตามที่สื่อมวลชนและสื่อโซเชียลนำเสนอไปแล้ว นั้น
วันนี้พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร.,และตน รวมทั้งพล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.พนัญชัย ชื่นใจธรรม รอง ผบช.ภ.1 และ พล.ต.ต.วรณัฏฐ์ ผันผ่อน ผบก.ภ.จว.ชัยนาท พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ร่วมประชุมเร่งรัดคลี่คลายคดีดังกล่าว
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งประเด็นเกี่ยวกับสาเหตุการเสียชีวิตไว้ว่า อาจเกิดจากการฆาตกรรม และมีการนำศพมาทิ้ง ในลักษณะเจตนาอำพรางศพ หรืออาจเกิดจากอุบัติเหตุซึ่งเป็นเหตุให้บุคคลทั้งสองเสียชีวิตที่บริเวณดังกล่าว
ผู้ช่วย ผบ.ตร. เปิดเผยถึงความคืบหน้าล่าสุดในวันนี้ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนได้สืบทราบว่าศพหญิงสาวทั้งสอง เป็นแรงงานต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมือง และมีกลุ่มคนร้ายลักลอบนำพาเข้ามาในราชอาณาจักร จนสามารถออกหมายจับ และจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ จำนวน 3 ราย พร้อมรถของกลาง เป็นรถพ่วง หมายเลขทะเบียน 81-0901 ตาก ที่ใช้ในการขนแรงงาน
โดยผู้ต้องหาทั้งสามราย ประกอบด้วย(1 )นายจักรี หรือตั้ม พุกมาก อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 4 หมู่ 7 ต.กุดตาเพชร อ.สำสนธิ จ.ลพบุรี เป็นคนขับรถพ่วง โดยดำเนินคดีในข้อหา กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย, ซ่อนเร้นหรือช่วยเหลือด้วยประการใดๆ ให้คนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย หรือพ้นจากการจับกุม และซ่อนเร้น ย้าย หรือทำลายศพ ปิดบังการเกิด การตายหรือเหตุแห่งการตาย (2.)นายสุริยา หรือเท่ เทียนสมจิตร อายุ ๓๐ ปี อยู่บ้านเลขที่ 137/1 หมู่ 15 ต.ไผ่รอบ อ.โพธิ์ประทับช้าง จ.พิจิตร เป็นผู้ร่วมขบวนการ (3.)นายจักรวรรดิ หรือแจ๊ค วังโพธิ์ อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 256 หมู่ 1 ต.แม่ปะ อ.แม่สอด จ.ตาก ผู้ร่วมขบวนการ และเป็นผู้ประสานเจ๊อ้วน ชาวกระเหรี่ยงโดยผู้ต้องหาในรายที่ 2 และ 3 ดำเนินคดีในข้อหา ซ่อนเร้น ย้าย หรือทำลายศพ ปิดบังการเกิด การตาย หรือเหตุแห่งการตาย
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า คดีนี้มีลักษณะคล้ายกับคดีที่เคยเกิดขึ้นใน จ.กำแพงเพชร พฤติการณ์คือจะมีกลุ่มขบวนการลักลอบขนแรงงานต่างด้าว ด้วยวิธีการปิดบังอำพราง โดยการนำแรงงานต่างด้าวปะปนมากับพืชผลการเกษตรเพื่อให้พ้นจากการตรวจพบ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการกวดขันจับกุมอย่างจริงจัง และความผิดมีอัตราโทษที่สูง
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่า ผู้ตายทั้งสองน่าจะขาดอากาศหายใจระหว่างการซ่อนตัวในรถพ่วงดังกล่าว จากนั้นกลุ่มคนร้ายจึงได้นำศพมาทิ้งในที่เกิดเหตุ โดยหลังจากนี้จะนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดมาซักถามเพื่อขยายผลจับกุมผู้ต้องหาทั้งเครือข่ายต่อไป