เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่11 ก.ค. พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.โชคชัย งามวงศ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ ผบก.สส.บช.น. พล.ต.ต.พงศ์อานันต์ คล้ายคลึง ผบก.น.9 พล.ต.ต.อรรถพล อนุสิทธิ์ ผบก.น.2 พล.ต.จ.จักรภพ สุคนธราช ผบก.น.1 พ.ต.อ.บวรภพ สุนทรเลขา ผกก.สน.พญาไท พ.ต.อ.ยิ่งยศ สุวรรณโณ ผกก.สน.ห้วยขวาง พ.ต.อ.กฤษฎางค์ จิตตรีพล ผกก.สน.บางซื่อ พ.ต.อ.สุธิศักดิ์ พิริยะภิญโญ ผกก.สน.สุทธิสาร พ.ต.อ.ชิศณุพงศ์ สุริยานนท์ ผกก.สน.พหลโยธิน พ.ต.อ.เลิศศักดิ์ เขียมทรัพย์ ผกก.สน.ท่าข้าม พ.ต.อ.ศิรณวิชญ์ อินทร ผกก.สส. บก.น.1 พ.ต.อ.อัครพล โทยะ ผกก.สส.บก.น.2 พ.ต.อ.ธิติพงษ์ สียา ผกก.สส.บก.น.9พ.ต.อ.วิชิต ถิรขจรวงศ์ ผกก.สส.1 บก.สส.บช.น.พ.ต.อ.กฤศณัฎฐ์ ธนศุภณัฐ์ ผกก.สส.2บก.สส.บช.น.พ.ต.อ.สมบูรณ์ สุขศรีดาวเดือน ผกก.สส.3 บก.สส.บช.น. พ.ต.อ.ธนากร อ่อนทองคำ ผกก.สส.4 บก.สส.บช.น. พ.ต.อ.ฤตวีร์ สุขเจริญ ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น.ร่วมกันแถลงจับกุม ผู้ต้องหาตระเวนวิ่งราวทรัพย์ทั่ว กทม. 2ราย คือ นาย ประเวช เลิศพึ่งดี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญาที่ 1383/2565 ลง 7 ก.ค. 2565 ข้อหา”วิ่งราวทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยใช้ยานพาหนะ” พร้อมด้วยของกลาง โทรศัพท์มือถือเสื้อผ้า , รองเท้าแตะสีดำ , หมวกกันน๊อค อาวุธปืน รถจักรยานยนต์ PCX สีน้ำเงิน ทะเบียน 6 กง 3407 กทม. ( ใช้ในการก่อเหตุ ) ไว้ของกลางประกอบคดี จับกุมได้ที่บ้านพัก ต.บ้านคลองสวน อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ และ จับกุม นาย ศตวรรษ เชื่อมวิทย์ ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญาที่ 1401/2565 ลง 8 ก.ค. 2565 ข้อหา” ร่วมกันวิ่งราวทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะฯ “พร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือ , เสื้อผ้า , รองเท้าแตะสีแดง ของนายศตวรรษฯ ขณะจับกุม ส่วนรถจักรยานยนต์ PCX สีขาวแดง ทะเบียน 2 ขฆ 7405 กทม. ที่ใช้ก่อเหตุ ได้ตรวจยึดจาก นายวีรยุทธ หรืออ้น พึ่งเดช (เจ้าของรถ) ซึ่งยืนยันว่า นายศตวรรษฯ ได้ยืมไปใช้ในการก่อเหตุ (โดยยินยอมให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการตรวจยึดมาเพื่อใช้ประกอบในการดำเนินคดี) จับกุมได้ที่ที่พักถนนพระราม 3 แขวงบางโพงพาง เขตยานนาวา กทม.
สืบเนื่องจากในห้วงปี2565 เจ้าหน้าที่สืบทราบว่าเกิดเหตุคนร้ายวิ่งราวทรัพย์ในหลายพื้นที่ ทั่วเขต กทม.ฯซึ่งมีพฤติกรรมแผนปทุษกรรมในลักษณะเดียวกันหลายท้องที่ รวม9 คดี ประกอบด้วย สน.สุทธิสาร จำนวน 3 คดี , สน.บางซื่อ จำนวน 2 คดีสน.ห้วยขวาง จำนวน 1 คดี, สน.ท่าข้าม จำนวน 1 คดี , สน.พญาไท จำนวน 1 คดี และ สน.พหลโยธิน อีกจำนวน 1 คดี กระทั่งเจ้าหน้าที่ทำการสืบสวนเลื่อยมา จากการตรวจสอบวงจรปิดจนเชื่อว่าผู้ก่อเหตุคือนายประเวชฯ และนาย ศตวรรษ เนื่องจากพบว่าเส้นทางขณะมาก่อเหตุและเส้นทางหลบหนีสอดคล้องกับผู้ต้องหาทั้ง2ราย เนื่องจาก ทั้งสองคนปัจจุบันประกันตัวออกมาต่อสู้คดี และถูกศาลสั่งให้ติดกำไลข้อเท้าอีเอ็ม ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจพบข้อพิรุธเกี่ยวกับกรณีสัญญาณกำไลอีเอ็ม ประกอบกับทางการสืบสวนปรากฎจาก ลักษณะการแต่งกาย , ยานพาหนะ ต่อมาจึงได้วางแผนร่วมกับตำรวจท้องที่ที่เกิดเหตุและฝ่ายสืบสวนในพื้นที่ กระทั่งสามารถขออนุมัติศาลเพื่อออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง2 ราย กระทั่งวันที่9 ก.ค.ติดตามไปจนสามารถจับกุมตัวได้ไว้ ซึ่งขณะจับกุมตัวนั้น นายประเวชฯ ไม่ได้สวมใส่กำไลอีเอ็ม และ จากการตรวจค้น พบกำไลดังกล่าวอยู่ที่บ้านเลขที่ 226/2 ตรอกบางอุทิศ แขวงวัดพระยาไกร เขตบางคอแหลม กทม. ในลักษณะชาร์จแบตเตอรี่ทิ้งไว้ ส่วนนายศตวรรษ ติดกำไลอีเอ็ม แต่ข้อมูลจีพีเอสในโทรศัพท์มือถือของนายศตวรรษฯ เคลื่อนที่ไม่สอดคล้องกับข้อมูลสัญญาณกำไลอีเอ็ม จึงจับกุมได้พร้อมของกลาง
จากการสอบสวน นายประเวชฯ รับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุที่ใช้รถจักรยานยนต์ PCX สีน้ำเงิน ส่วนนายศตวรรษฯยังไม่ขอให้การ และ ปฏิเสธเกี่ยวกับการกระทำผิด ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อใช้ในการสอบสวนพิสูจน์ความผิดของ นายประเวชฯ และ นายศตวรรษฯเพิ่มเติม
จากการตรวจสอบประวัติของนายประเวชฯ พบประวัติคดีวิ่งราวทรัพย์ 5 คดี คดีบุกรุกเคหสถานเวลากลางคืน 1 คดี คดีต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน(ยิงต่อสู้) 1 คดี จำคุกตั้งแต่ปี 2560 พ้นโทษเมื่อวันที่ 26 ม.ค. 2564 ถูกจับกุมต่อเมื่อวันที่ 19 ม.ค. 2565 ในคดี พรบ.อาวุธปืนฯ อยู่ระหว่างประกันตัว และ ติดกำไลข้อเท้าอีเอ็ม
ส่วนนายศตวรรษฯ พบประวัติวิ่งราวทรัพย์ จำคุกตั้งปี 2560 พ้นโทษเมื่อวันที่ 27 ม.ค. 2564 ที่อยู่หลังปล่อยตัว คือ 449/58 บางคอแหลม กทม. ถูกจับกุมต่อเมื่อวันที่ 19 ม.ค. 2565 ในคดี พรบ.อาวุธปืนฯ อยู่ระหว่างประกันตัว และติดกำไลข้อเท้าอีเอ็ม เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อกล่าวหาและนำตัวนายประเวชฯ พร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สน.สุทธิสาร ส่วน นายศตวรรษฯ ถูกนำตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สน.พญาไทเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป