เพลิงไหม้กองวัสดุห้องตกแต่งอาคารตึกเอ ก.กระทรวงพลังงาน พบแม่บ้านสำลักควัน จนท.นำส่ง รพ. เร่งหาสาเหตุต้นเพลิง
เมื่อเวลา 12.35 น. วันที่ 7 ส.ค. ร.ต.อ.อธิคม คำปันแปง รอง สว.(สอบสวน)สน.บางซื่อ รับแจ้งเหตุ เพลิงลุกไหม้บนอาคารสูงใกล้เคียงกับตึกกระทรวงพลังงาน แขวงและเขตจตุจักร กทม. จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบก่อนรุดไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่ดับเพลิง สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัย อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุเป็นอาคารสูง 36 ชั้น ชื่อศูนย์เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ ตึกเอ พบกลุ่มควันสีดำพวยพุ่งออกมาจำนวนมาก บริเวณชั้นที่ 33 เจ้าหน้าที่ดับเพลิงรีบขึ้นไปตรวจสอบทำการดับเพลิงจากข้างในตัวอาคารพร้อมทั้งใช้เครื่องดูดควันออกจากภายในอาคาร ใช้เวลาประมาณ 20 นาที ควันสีดำก็จางหายไปจนสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ โดยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไม่ยินยอมให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปในพื้นที่เด็ดขาด จากนั้น ได้มีพล.ต.ต.สมบูรณ์ เทียนขาว ผบก.สายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ และพ.ต.อ.เด่นหล้า รัตนกิจ ผกก.สายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ เดินทางมาดูสถานการณ์
ตรวจสอบเบื้องต้นมีผู้ได้รับบาดเจ็บคือ นางโสภา จันทวิรัตน์ อายุ 55 ปี อาชีพแม่บ้านของอาคารดังกล่าว สำลักควันหายใจติดขัด กู้ชีพนำตัวส่งรพ.ราชวิถี (ขณะนี้อาการปลอดภัย) นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังสามารถช่วยเหลือผู้ติดค้างภายในอาคารออกมาได้ 8 ราย ทั้งหมดไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ
ด้าน นายสุรเดช อำนวยสาร รองผู้อำนวยการ สำนักป้องกันและบบรเทาสาธารณะภัย กล่าวว่า เพลิงลุกไหม้อาคารศูนย์เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ ตึกเอ ชั้น 33 เป็นโซนที่อยู่ระหว่างการปรับปรุงสำนักงาน ของงานสำรวจและผลิตปิโตรเลียมเคมี พบร่องรอยความเสียหายของเพลิงลุกไหม้กองไม้และกองเศษวัสดุก่อสร้างต่างๆ พื้นที่เสียหายประมาณ 2 ตารางเมตร ไม่ลุกลามไปโซนอื่น สำหรับโครงสร้างอาคารไม่ได้รับผลกระทบพร้อมยืนยันว่าระบบรักษาความปลอดภัยของอาคารแห่งนี้ดีที่สุดในประเทศ และมีการซ้อมแผนอัคคีภัยร่วมกับสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกนุงเทพมหานครอย่างต่อเนื่อง ส่วนระบบดับไฟอัตโนมัติของอาคารไม่ทำงานเนื่องจากความร้อนยังไม่ถึงระดับ ส่วนสาเหตุของเพลิงไหม้อยู่ระหว่างการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญ
เบื้องต้น ร.ต.อ.อธิคม ได้ประสานให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานกลางเข้ามาตรวจสอบหาสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ครั้งนี้ พร้อมเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะบุคคลที่อยู่ชั้น 33 มาสอบปากคำ รวมถึงตรวจสอบกล้องวงจรปิดเพื่อรอบรวมพยานหลักฐานหาสาเหตุเพลิงไหม้ครั้งนี้ต่อไป
