



รวบทันควัน! เฒ่าวัย70ควงปืนชิงทรัพย์ร้านทองย่านบางแค อ้างไม่มีเงินจ่ายค่าน้ำค่าไฟ
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 11 ส.ค. ร.ต.อ.ออมสิน สีดามาตย์ รอง สว.(สอบสวน) สน.เพชรเกษม รับแจ้งเหตุคนร้ายชิงทรัพย์ ภายในห้างทองเยาวราชเอ็มโกลด์ (บางแค) ถนนเพชรเกษม แขวงและเขตบางแค กรุงเทพ ไปตรวจสอบพร้อม พล.ต.ต.พงศ์อานันต์ คล้ายคลึง ผบก.น.9 พ.ต.อ.วิสิษฐ์ วัฒนพงษ์พิทักษ์ผกก.สน.เพชรเกษม พ.ต.ท.สยาม ชื่นครุฑ สว.สส.สน.เพชรเกษม ร.ต.อ.สถิตย์ อิ่มที่สุด รอง สว.จร.สน.หลักสอง ด.ต.สาโรจน์ จงเจริญ ผบ.หมู่งานจร.สน.หลักสอง,ฝ่ายสืบสวน สน.เพชรเกษม
ที่เกิดเหตุอยู่ริมถนนหน้าตลาดสด (บางแค) ตรวจสอบพบเศษกระจกประตูร้านทองแตกกระจายเต็มพื้นด้านหน้าร้าน มีผู้คนพลุกพล่าน พบพนักงานร้านทองดังกล่าว อยู่ในอาการตื่นตระหนก หลังมีชายสวมหมวกอำพรางใบหน้า พกอาวุธปืนเข้าไปข่มขู่ชิงทรัพย์สร้อยคอทองคำภายในร้านก่อนจะวิ่งหลบหนีไปพร้อมกับสร้อยคอทองคำ รวม 17 เส้น ซึ่งเป็นจังหวะที่ ด.ต.สาโรจน์ จงเจริญ ผบ.หมู่งานจราจร สน.หลักสอง และ ร.ต.อ.สถิตย์ อิ่มที่สุด รอง สว.จร.สน.หลักสอง กำลังปฏิบัติหน้าที่อำนวยการจราจรอยู่หน้าตลาดริมถนนเพชรเกษมจึงรีบแจ้งขอกำลังเสริม เพื่อติดตามคนร้ายจนสามารถจับกุมตัวผู้ก่อเหตุได้ที่ลานจอดรถไอทีแกรนด์ฝั่งตรงข้าม ทราบชื่อคือ นายบวร เดชาคนีวงศ์ อายุ 70 ปี พร้อมของกลางที่ชิงทรัพย์มาและอาวุธปืนขนาด .38 ม.ม. จำนวน 1 กระบอก ภายในลูกโม่มีกระสุนบรรจุ อยู่ 4 นัด ถูกใช้ไปแล้ว 1 นัด และสิ่งเทียมอาวุธปืน เป็นบีบีกัน ลักษณะปืนกล็อก อีก 1 กระบอก
ด.ต.สาโรจน์ กล่าวว่า ขณะที่กำลังยืนปฏิบัติหน้าที่อยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงดังออกมาจากร้านทอง ก่อนจะมีชาวบ้านตะโกนแจ้งว่ามีคนร้ายก่อเหตุชิงทรัพย์ภายในร้าน และยิงประตูกระจกนิรภัย เพื่อหลบหนี เมื่อตรวจสอบเห็นคนร้ายกำลังวิ่งข้ามถนนไปฝั่งตรงข้าม จึงรีบขอกำลังเสริมเนื่องจากคนร้ายมีอาวุธปืน เกรงว่าจะไม่ปลอดภัย ก่อนที่คนร้ายจะวิ่งเข้าไปยังลานจอดรถของห้างไอทีแกรนด์ ซึ่งเป็นตึกร้าง และปิดบริการไปแล้ว ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะติดตามเข้าไปและจับกุมตัวได้ในที่สุด
ด้าน ร.ต.อ.สถิตย์ อิ่มที่สุด รอง สว.จราจร สน หลักสอง เปิดเผยว่า ขณะที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ก็ได้รับแจ้งขอกำลังเสริม เนื่องจากมีเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนชิงทรัพย์ร้านทอง และอยู่ระหว่างเดินเท้าหลบหนี เมื่อมาถึงก็เห็นคนร้ายเป็นชายหนึ่งราย สวมเสื้อยืดสีดำ และนุ่งกางเกงขาสั้นสีดำ ใส่หมวกแก๊ป สะพายกระเป๋าเป้สีดำ วิ่งหลบหนีข้ามถนนไปยังลานจอดรถห้างไอที แกรนด์บางแค ซึ่งปิดบริการไปแล้ว จึงได้ติดตามไปพร้อมกับ ส.ต.อ.ณัฐวุฒิ แสงดารา ผบ.หมู่งานจราจร สน.หลักสอง พร้อมชักปืนเตรียมความพร้อม ขณะที่กำลังติดตามไปยังลานจอดรถ เห็นคนร้ายนอนซ่อนตัวอยู่ข้างต้นกล้วย จึงทำการเข้าจับกุม ซึ่งคนร้ายยอมให้เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวแต่โดยดี ก่อนจะตรวจค้น พบอาวุธปืนพร้อมสร้อยคอทองคำ 17 เส้น ยังไม่ทราบน้ำหนัก ถูกใส่ไว้ในกระเป๋าสะพาย จึงยึดไว้เป็นของกลาง
นอกจากนี้กล้องวงจรปิดสามารถบันทึกภาพคนร้ายขณะก่อเหตุโดยแต่งตัวสวมเสื้อยืดสีดำ , นุ่งกางเกงขาสั้นสีดำ , สวมถุงเท้าดำ , ใส่รองเท้าแตะ สวมหมวกแก๊ป ใส่แว่นตา สวมหน้ากากอนามัยปิดบังใบหน้า และสวมถุงมือสีดำ เดินเปิดประตูเข้ามาในร้าน ก่อนจะชักอาวุธปืนลูกโม่ขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกง ขู่พนักงานสาวของร้านที่ยืนเฝ้าหน้าเคาเตอร์อยู่ 2 คน ให้เปิดตู้กระจกโดยบังคับให้รีบส่งทองใส่ถุงดำที่เตรียมไว้โดยเร็ว ก่อนพนักงานจะหยิบถาดสร้อยคอทองคำหนัก 1 สลึงให้คนร้าย และรีบหลบเข้าไปหลังร้าน ขณะที่คนร้ายกำลังจะหนีออกมา พนักงานได้ปิดประตูกระจกนิรภัยไว้ ทำให้คนร้ายไม่สามารถหนีออกมาได้ จึงได้ถีบประตูอยู่หลายครั้ง ก่อนจะใช้ปืนลูกโม่ ยิงที่ประตู 1 นัด จนแตกละเอียด และถีบกระจกออกมา เดินหลบหนีไป
ด้าน พล.ต.ต.พงศ์อานันต์ ผบก.น9.เปิดเผยว่า ผู้ต้องหารับว่าจะนำเงินไปชำระหนี้สินส่วนอาวุธนั้นอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าอาวุธปืนได้รับอนุญาตถูกกฎหมายหรือไม่ ส่ในเรื่องข้อหาเบื้องต้นแจ้งเหตุชิงทรัพย์,ยิงปืนในเมืองหมู่บ้าน,พกพาอาวุธปืนไปโดยไม่ได้รับอนุญาต, สำหรับจราจรที่ร่วมจับคนร้ายนั้นแสดงให้เห็นถึงการทำงานร่วมกัน มี สน.หลักสองและสน.เพชรเกษมซึ่งขณะเข้าจับกุมผู้ต้องหาก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร
สอบสวนเบื้องต้นทราบว่าผู้ต้องหานั่งรถเมล์จากบ้านพักย่านอรุณอัมรินทร์กระทั่งมาถึงร้านทองที่เกิดเหตุเห็นว่ามีเพียงพนักงานผู้หญิงอยู่เพียงลำพังคนเดียวจึงลงมือก่อเหตุ ส่วนสาเหตุนายบวร (ผู้ต้องหา)อ้างว่าไม่มีเงินจ่ายหนี้สินส่วนตัวทั้งค่าน้ำค่าไฟและไม่มีเงินจะกิน
เบื้องต้นแจ้งข้อกล่าวหา”ชิงทรัพย์,พกพาอาวุธปืนไปโดยไม่ได้รับอนุญาต ,ยิงปืนในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร,ทำใหัเสียทรัพย์ ” จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.เพชรเกษม เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
//////