

รถพ่วง 22 ล้อโหม่งตอม่อ BTS บางหว้า อัดก็อบปี้คนขับดับคาที่
วันที่ 26 สิงหาคม 2565
เวลา 21.00 น.
ร.ต.อ. สมเกียรติ กิจประภานันท์ รอง สว.สอบสวน สน.ภาษีเจริญ รับแจ้งมีอุบัติเหตุ รถบรรทุกเหล็ก ชนเสาตอม่อ ใกล้เคียงสถานีรถไฟฟ้าบางหว้า บนถนนราชพฤกษ์ มีผู้เสียชีวิตติดกับซากรถ 1 ราย จึงประสานแพทย์นิติเวช รพ.ศิริราช และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู มาสนับสนุนที่เกิดเหตุทันที
เมื่ิอเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครมาถึงที่เกิดเหตุ อยู่บนถนนราชพฤกษ์ 1 แขวงปากคลองภาษีเจริญ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร พบรถบรรทุกพ่วง 22 ล้อ บรรทุกเหล็กขนาด 6 เมตร จำนวน 12 ท่อน ทะเบียน 71-2917 ลูกพ่วงทะเบียน 71-4140 พระนครศรีอยุธยา ของบริษัท พลัส โพรเกรส เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด ชนกับเสาตอม่อ ด้านหน้ารถพังเสียหายยับเยินคนขับกระเด็นออกกระจกร่างติดกับซากรถ เสียชีวิตคาที่ ทราบชื่อต่อมาชื่อนาย ชัยพิชิต ตีเล อายุ 53 ปี ส่วนเหล็กที่บรรทุกมา กระเด็นหล่นจากรถพ่วงกระจัดกระจายขวางถนน เจ้าหน้าที่จึงเร่งใช้อุปกรณ์ตัดถ่างเพื่อนำร่างผู้เสียชีวิตออกจากซากรถ และ ประสานรถเครนเพื่อนำท่อนเหล็กออกจากพื้นผิวถนนเพื่อไม่ให้กีดขวางการจราจร นอกจากนี้ ยังมีอุบัติเหตุซ้ำซ้อนเนื่องจาก รถที่ตามหลังมาเบรคขณะที่ท่อนเหล็กกระเด็นตกจากรถมาขวางถนน ทำให้ไม่สามารถผ่านไปได้ จึงทำให้รถด้านหลังที่ตามมาชนท้ายกันอีก 2 คัน แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ
จากการสอบถามผู้เห็นเหตุการณ์ ชื่อนาย พฤกษ์ แซ่จัง อายุ 40 ปี บอกว่า ตนขับรถกำลังจะกลับบ้าน มาจากทางท่าพระ พอลงสะพานมาถึงที่เกิดเหตุ เห็นข้างหน้าเริ่มมีอาการขับส่าย เข้าซ้าย มีบรรทุกเหล็กมาด้วย ก็น่าจะเสียหลักเอารถไม่อยู่ เพราะฝนตกถนนลื่นด้วย เลยพุ่งชนเสาตอม่อ แล้วก็มีประกายไฟออกมา ส่วนเหล็กที่บรรทุกมาก็กระเด็นออกมาขวาง ตนจึงเบรค เพราะไปไม่ได้อยู่แล้ว ทีนี้รถด้านหลังก็ชนท้ายรถตนอีกทีนึง เพราะถ้าตนไม่เบรค ตนก็ต้องชนกับเหล็กที่กระเด็นออกมา ตนจึงเบรค
และเจ้าของรถอีกคันนึงที่ชนท้ายรถคันหน้าที่จอด บอกว่า ตนขับรถตามกันมาแล้วรถบรรทุกเหล็กขับเข้าทางซ้ายเสียหลักหรืออะไร ไม่แน่ใจก็ชนเข้ากับเสาตอม่อเลย แล้วเหล็กก็กระเด็นออกมาขวางถนนทางเลนขวา ทีนี้รถคันหน้าก็เบรค ตนก็เบรคไม่ทัน ชนเข้ากับท้ายรถคันหน้าอีกที ตอนนั้นฝนตก ถนนลื่นด้วย
เบื้ิองต้นเจ้าหน้าที่ดำเนินการขนย้ายท่อนเหล็กออกให้พ้นเส้นทางการจราจร เพื่ิอให้รถสัญจรผ่านไปได้ ส่วนเจ้าหน้าที่และแพทย์นิติเวชมอบร่างผู้เสียชีวิตให้อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญูนำส่งสถาบันนิติเวชเพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตอย่างละเอียดอีกครั้งก่อนจะให้ญาตินำเอกสารมาขอรับร่างกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป