Facebook Fanpage
Twitter Feed
ตระเวนข่าว ออนไลน์

อัปเดตทุกสถานการณ์อ่าน “ตระเวนข่าวออนไลน์”

อาชญากรรม การเมือง ต่างประเทศ กีฬา บันเทิง ภูมิภาค เศรษฐกิจ ไอที ข่าวอื่นๆ
เกี่ยวกับเรา

 แพะคดีขโมยเครื่องเพรช 15 ล้านบาท ร้อง บก.ปปป.จ่อเอาเรื่องตร.สน.บางเสาธง

 แพะคดีขโมยเครื่องเพรช 15 ล้านบาท ร้อง บก.ปปป.จ่อเอาเรื่องตร.สน.บางเสาธง

ชายขายไก่ย่าง ถูกจับเป็นแพะคดีขโมยเครื่องเพรช 15 ล้านบาท สู้คดีจนดิ้นหลุดติดคุกฟรี 3 ปี โดดเข้าร้องเรียน บก.ปปป.ร้องขอความเป็นธรรมจ่อเอาผิดตำรวจสน.บางเสาธง

อ่านต่อ

นายพิสิษฐ์ สุวรรณพิมพ์ อดีตผู้ต้องหาในคดีขโมยเครื่องเพชรในพื้นที่ สน.บางเสาธง เมื่อปี 2559 มูลค่ากว่า 15 ล้านบาท และภรรยา นำพยานหลักฐานเข้าแจ้งความกับตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบหรือ บก.ปปป. ให้ดำเนินคดีกับตำรวจชุดจับกุมและร้อยเวรในคดีดังกล่าว ที่ไปเข้าจับกุม และทำสำนวนคดี จำนวน 5 ราย โดยคดีดังกล่าวเริ่มต้นจากในปี 2559 ขณะนั้นตนทำอาชีพขายไก่ย่างกำลังเตรียมของอยู่ภายในบ้านพักที่จังหวัดนครพนม ได้ถูกตำรวจชุดจับกุมของสน.บางเสาธง เข้ามาแสดงหมายจับในคดีฉ้อโกงที่ดิน ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าว ก่อนจะนำตัวไปสอบปากคำที่ safe house แห่งหนึ่ง โดยมีการใช้ผ้าขนหนูคลุมใบหน้าและถูกทำร้ายร่างกายเตะเข้าที่ตามลำตัวหลายครั้งพร้อมกับขู่บังคับให้บอกที่ซ่อนของเครื่องเพชรมูลค่า 15 ล้านบาท แต่ตนเองไม่ทราบเรื่องดังกล่าวมาก่อน และได้พูดคุยผ่านวิดีโอคองกับหญิงเจ้าของเครื่องเพชร เจ้าตัวก็ยังยืนยันว่าตนเองเป็นคนเอาไป แต่ตนเองก็ยังไม่ยอมรับสารภาพ จึงถูกนำตัวไปทำบันทึกจับกุม และนำตัวผู้เสียหายตามหมายจับในคดีฉ้อโกงมาชี้ตัวกลับปรากฏว่าตนเองไม่ได้เกี่ยวข้องในคดีดังกล่าว จึงถูกอายัดตัวไปดำเนินคดีต่อที่สน.บางเสาธง

เมื่อมาถึงที่สน.บางเสาธง ร้อยเวรได้เชิญผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้าของเครื่องเพชรมาชี้ตัวผู้ต้องหา กลับปรากฏว่าไม่ทำตามกระบวนการชี้ตัวให้ถูกต้องโดยให้ตนเองยืนให้ผู้เสียหายชี้เพียงคนเดียว จากนั้นจึงถูกส่งตัวฝากขังต่อศาล ทำให้ตนเองได้รับความลำบากถึง 3 ปี โดยมีภรรยาและญาติเป็นผู้วิ่งเต้นช่วยต่อสู้คดีให้ ผลปรากฏว่าศาลชั้นต้นยกฟ้องเนื่องจากพยานหลักฐานไม่เพียงพอ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจมีพยานหลักฐานเป็นเพียงภาพถ่ายและซิมโทรศัพท์มือถือที่ลงทะเบียนด้วยบัตรประชาชนของตนเองเท่านั้น ซึ่งเขาก็ไม่ทราบว่าซิมดังกล่าวมีการลงทะเบียนตั้งแต่เมื่อใด อีกทั้งยังมีพยานบุคคลยืนยันว่าตนเองเดินทางไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลและไม่ได้รู้เห็นหรือรู้จักเครื่องเพชรดังกล่าวมาก่อน ต่อมาได้มีการอุทธรณ์สู้คดีต่อ ซึ่งศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ซึ่งหลังคดีสิ้นสุดตนเองได้แจ้งความกลับกับเจ้าของเครื่องเพชรดังกล่าวในข้อหาแจ้งความเท็จ ซึ่งศาลชั้นต้นได้ตัดสินโทษจำคุกเป็นเวลา 3 ปีกับเจ้าของเพชรคนดังกล่าวขณะนี้อยู่ระหว่างการต่อสู้ในชั้นอุทธรณ์

ทั้งนี้ที่ผ่านมาเป็นเวลานานกว่า 3 ปีภายในเรือนจำตนเองได้รับความลำบากได้รับความเสียหายทั้งชื่อเสียงของครอบครัว และเงินลงทุนทำร้านไก่ย่างที่เตรียมจะเปิดในช่วงเวลาดังกล่าวแต่ก็ถูกจับกุมเสียก่อน ซึ่งมูลค่าความเสียหายไม่สามารถประเมินได้ ซึ่งตนเองมองว่ากระบวนการสืบสวนสอบสวนและการทำคดีดังกล่าวอาจเป็นการกระทำโดยมิชอบจึงร้องขอให้บก.ปปป. ดำเนินการตรวจสอบและดำเนินคดีกับตำรวจทั้ง 5 นายในความผิดตามมาตรา 157 ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบโดยยืนยันว่าจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาจะฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายในทางแพ่งกลับตำรวจและเจ้าของเครื่องเพชรด้วย//////////

Total
0
Shares
Previous Article

ผบ.ตร.เซ็นตั้ง พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง เป็นโฆษกตร.  

Next Article

มติเอกฉันท์เลือก “พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ ปิงเมือง” นั่งประธาน ปปง.

Related Posts