
เพื่อนร่วมรุ่น ส.ต.อ.คลั่ง ยันไม่พบว่ามีพฤติกรรมเกี่ยวข้องสุรา-ยาเสพติด มักชอบเก็บตัวเงียบลำพัง-ด้านอดีตผู้บังคับบัญชาเผย ผู้ก่อเหตุมีปัญหาเรื่องใช้คอมจึงถูกส่งไปทำงานด้านเอกสารแทนอาจเครียดจนกลับไปใช้ยาเสพติด
จากกรณีสิบตำรวจเอกปัญญา คำราบ อดีตตำรวจคลั่งที่ก่อเหตุใช้อาวุธปืน-มีดกราดยิง จ.หนองบัวลำภู ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตรวม 37 ราย เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม ตามที่เสนอข่าวไปนั้น
เมื่อวันที่ 7 ต.ค. ที่ สน.ยานนาวา ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ติดต่อไปยังเพื่อนตำรวจร่วมรุ่นนักเรียนนายสิบ ของ ส.ต.อ.ปัญญา ผู้ก่อเหตุเพื่อสอบถามถึงพฤติกรรม เนื่องจาก ส.ต.อ.ปัญญา เคยปฎิบัติหน้าที่ฝ่ายงานป้องกันปราบปราม ที่ สน.ยานนาวา แห่งนี้
เพื่อนร่วมรุ่น นร.นายสิบ เปิดเผยว่า หลังจากเรียนจบจากโรงเรียนนายสิบในรุ่น 58 ตนและผู้ก่อเหตุได้เลือกมาลงบรรจุรับราชการที่ สน.ยานนาวา ในตำแหน่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายป้องกันและปราบปราม หรือ สายตรวจ ลักษณะงานคือ แต่งกายในเครื่องแบบ และ บริการพบปะประชาชน แต่ขณะนั้นผู้ก่อเหตุจะมีคู่เวรเป็นรุ่นพี่ และแยกกันเข้าปฏิบัติหน้าที่ ตลอดเวลาที่ทำงานร่วมกัน ผู้ก่อเหตุไม่มีพฤติกรรมยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดแต่อย่างใด ส่วนอุปนิสัยส่วนตัวนั้น ในเวลางานจะทำงานดี ไม่เคยขาด หรือ ลา ไม่มีปัญหาอะไร พูดจากับเพื่อนร่วมงานตามปกติ แต่หากเลิกงานแล้วจะกลายเป็นคนเก็บตัวอยู่ในห้องพัก ที่แฟลตตำรวจ ไม่สุงสิงกับเพื่อน หรือออกไปสังสรรค์กับใคร มัก เล่นกีตาร์ เปิดเพลง ร้องเพลง เพียงลำพัง ในห้องส่วนตัวเท่านั้น บางครั้งก็จะเห็นผู้ก่อเหตุขี่รถจักรยานยนต์ออกไปข้างนอกเพียงลำพัง ซึ่งไม่ทราบว่าออกไปไหน และยังไม่เคยเห็นผู้ก่อเหตุยุ่งเกี่ยวกับบุหรี่หรือสุราเลยตลอดที่ทำงานร่วมกัน จนผู้ก่อเหตุย้ายไปที่ สน.ลุมพินี และขาดการติดต่อกันไป
เพื่อนร่วมรุ่น เปิดเผยอีกว่า ขณะนั้นผู้ก่อเหตุก็มีแฟนบ้างตามประสาวัยรุ่น แต่ยังไม่มีครอบครัวอย่างจริงจัง ตลอดเวลาที่ทำงานนั้น ก็ไม่มีปัญหากับผู้บังคับบัญชา หรือมีเรื่องร้องเรียนการทำงานจากประชาชนแต่อย่างใด รวมถึงไม่เคยปรับทุกข์หรือบ่นอะไรให้เพื่อนฟัง เพราะรู้จักแค่เป็นเพียงเพื่อนร่วมรุ่น และพูดคุยเฉพาะเรื่องงาน แต่เรื่องชีวิตส่วนตัว ผู้ก่อเหตุไม่เคยเล่าหรือระบายให้ใครฟัง อีกทั้งผู้ก่อเหตุเองก็ไม่ได้เข้ากลุ่มไลน์เพื่อนร่วมรุ่นด้วย ส่วนในเรื่องที่ ผู้ก่อเหตุชอบเล่นปืนโดยส่วนตัวไม่ทราบข้อเท็จจริง แต่ทราบว่าเจ้าตัวมีอาวุธปืนที่จัดหามาด้วยตัวเองเพียงกระบอกเดียวเท่านั้น หลังจากทราบว่าผู้ก่อเหตุย้ายกลับไปที่ จ.หนองบัวลำภู ก็มีเพื่อนในกลุ่มพยายามติดต่อ แต่ไม่สามารถติดต่อได้จนมารู้ข่าวสลดที่เกิดขึ้น
เพื่อนร่วมรุ่นนายสิบ เผยอีกว่า ทันทีที่ทราบข่าวว่าผู้ก่อเหตุเป็นเพื่อนร่วมรุ่นเดียวกัน ก็รู้สึกตกใจ และเสียใจมาก ไม่คาดคิดว่าจะก่อเหตุลักษณะนี้ เพราะในสมัยที่ร่วมงานกันก็ไม่มีทีท่าจะเป็นคนฉุนเฉียว หรือพฤติการที่แสดงให้เห็นเกี่ยวกับยาเสพติดแต่อย่างใด จึงทำให้มองไม่ออกว่าจะก่อเหตุลักษณะนี้ โดยไม่ทราบว่าเมื่อกลับไปที่ภูมิลำเนาแล้วเกิดอะไรขึ้นจึงทำให้เป็นจุดเปลี่ยนของชีวิต ให้ก่อเหตุแบบนี้
ด้านอดีตผู้บังคับบัญชาของผู้ก่อเหตุ ขณะปฏิบัติหน้าที่ ผู้บังคับหมู่ งานสืบสวน สน.ลุมพินี ได้ระบุว่า ขณะที่ผู้ก่อเหตุปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่โรงพักได้ทำหน้าที่เป็นพลขับให้กับรองผู้กำกับการสืบสวนของสถานีในขณะนั้น และมีโอกาสได้พูดคุย หรือ ร่วมงานกันน้อยมาก แต่จากการสอบถามไปยังรองผู้กำกับการสืบสวนในขณะนั้นทราบว่าเจ้าตัวไม่มีพฤติการณ์ที่ต้องสงสัยว่าจะเสพหรือเกี่ยวข้องกับยาเสพติด เนื่องจากในขณะปฏิบัติหน้าที่เป็นพลขับไม่เคยแสดงอาการใดๆ แต่พบว่าเจ้าตัวมีปัญหาเรื่องการทำงานอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์ หรือบางงานที่ได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาได้เพราะไม่สามารถทำงานร่วมกับเพื่อนร่วมงานได้ จึงถูกมอบหมายให้ไปปฏิบัติหน้าที่เป็นคนเดินเอกสาร คาดว่าทำให้เจ้าตัวเกิดความเครียดจนอาจหวนกลับไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดอีก ก่อนที่จะทำเรื่องขอย้ายกลับไปปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ภูมิลำเนา ที่จังหวัดหนองบัวลำภู
ส่วนกรณีเรื่องของยาเสพติดได้มีการสุ่มตรวจผู้ใต้บังคับบัญชาทุกคนตามโครงการตำรวจสีขาวหลายครั้งแต่ก็ไม่พบสารเสพติดในร่างกายของผู้ก่อเหตุคนดังกล่าว ซึ่งไม่ทราบว่าเจ้าตัวจะใช้วิธีการหลบเลี่ยงอย่างไร
/////