
“ผบ.ตร.” เซ็นหนังสือสั่งด่วนที่สุด ออกกฎเหล็ก 11 ข้อ กำชับตำรวจทั่วประเทศเกี่ยวกับการตั้งด่านตรวจ จุดตรวจ และจุดสกัด มีทั้งสั่งการให้บันทึกภาพ และเสียงระหว่างปฏิบัติหน้าที่ตลอดเวลา แล้วนำข้อมูลไปเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ไม่น้อยกว่า 20 วัน
สั่งให้ ผบก. รอง ผบก.ดูแลฝ่ายปราบปรามตรวจสอบการตั้งด่านอย่างใกล้ชิด และลงไปสุ่มตรวจความเรียบร้อยด้วยตัวเอง ถ้าพบข้อสงสัยหรือความผิดให้ดำเนินการ ทั้งอาญา วินัย และปกครองอย่างเด็ดขาด
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 4 ก.พ. พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. มีหนังสือบันทึกข้อความด่วนที่สุดที่ 0007.22/438 ลงวันที่ 2 ก.พ. กำชับการปฏิบัติเกี่ยวกับการตั้งด่านตรวจ จุดตรวจ และจุดสกัด ถึงรอง ผบ.ตร. (ปป.) (มค.) และ จตช. ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในสายงาน ปป. มค. และรอง จตช. เพื่อทราบและควบคุมการปฏิบัติ ผบช.น. บช.ภ.1-9 บช.ก. จตร. (หน.จต.) และ สยศ.ตร. ตามหนังสือ ตร.ด่วนที่สุดที่ 0009.22/1572 ลงวันที่ 31 พ.ค.64 เรื่องแนวทางการปฏิบัติเกี่ยวกับการตั้งด่านตรวจ จุดตรวจ และจุดสกัดป้องกันปราบปรามอาชญากรรม และหนังสือ ตร.ที่ 0007.34/681 ลงวันที่ 3 มี.ค.64 เรื่องมาตรการปฏิบัติเกี่ยวกับการตั้งจุดตรวจเพื่อบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยจราจรทางบกและความผิดอื่นที่เกี่ยวกับรถหรือการใช้ทาง กำหนดแนวทางและมาตรการตั้งด่านตรวจ จุดตรวจ และจุดสกัด เพื่อป้องกันปราบปรามอาชญากรรมและบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบกและความผิดที่เกี่ยวข้องไว้แล้ว
เพื่อให้การดำเนินการกรณีดังกล่าวเป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีประสิทธิภาพ กำหนดให้การตั้งด่านตรวจ จุดตรวจให้พิจารณาดำเนินการเท่าที่จำเป็น เพื่อประโยชน์ในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม หรือเพื่อความปลอดภัยและป้องกันการเกิดอุบัติเหตุรุนแรงบนถนน จะต้องนำข้อมูลสถานภาพอาชญากรรมหรือสถิติการเกิดอุบัติเหตุในแต่ละพื้นที่มาเป็นปัจจัยหลักในการพิจารณากำหนดจุดสำหรับการตั้งด่านตรวจ จุดตรวจ รวมทั้งต้องดำเนินการลักษณะด่านตรวจ จุดตรวจสัมพันธ์ เพื่อลดการส่งผลกระทบต่อการเดินทางและปฏิบัติกิจธุระตามปกติของประชาชน และต้องดำเนินการตามหนังสือ ตร. ด่วนที่สุดที่ 0007.22/1572 ลงวันที่ 31 พ.ค.64 และหนังสือ ตร.ที่ 0007.34/681 ลงวันที่ 3 มี.ค.64 อย่างเคร่งครัด และกำหนดแนวทางปฏิบัติเพิ่มเติมไว้ดังนี้
1.ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ประจำด่านตรวจ จุดตรวจ และจุดสกัดทุกนายแต่งเครื่องแบบและติดกล้องบันทึกภาพเคลื่อนไหวแบบดิจิทัล (Police Body Camera) ตลอดระยะเวลาการปฏิบัติ เมื่อมีกรณีการเรียกตรวจบุคคลและยานพาหนะ ให้บันทึกภาพและเสียงขณะตรวจไว้ตลอดเวลา และให้นำภาพและเสียงที่บันทึกไว้ในกล้องไปจัดเก็บไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ของหน่วยในโอกาสแรกหลังเลิกการปฏิบัติ โดยให้เก็บภาพและเสียงไว้เป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 20 วัน และให้ หน.สน.หรือ สภ.ควบคุม กำกับ ดูแลการปฏิบัติอย่างใกล้ชิด หากพบข้อบกพร่องในกรณีดังกล่าว ให้พิจารณาดำเนินการทางวินัยหัวหน้าด่านตรวจ จุดตรวจ และจุดสกัดจนถึง หน.สน.หรือ สภ.
2.การตั้งจุดสกัดให้ปฏิบัติได้เฉพาะกรณีจำเป็นเร่งด่วน เพื่อระงับยับยั้ง สกัดกั้น หรือจับกุมผู้กระทำความผิดเท่านั้น ให้ดำเนินการและประสานการปฏิบัติกับศูนย์รับแจ้งเหตุหรือศูนย์วิทยุสื่อสารของหน่วยในทันที โดยไม่ต้องขออนุมัติผู้บังคับบัญชาระดับ หน.สน.หรือ สภ.ขึ้นไป 3.การตั้งจุดตรวจเพื่อป้องกันปราบปรามอาชญากรรม และจุดตรวจเพื่อบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบก ต้องได้รับอนุมัติจาก ผบก.ขึ้นไปทุกครั้ง หากพบว่ามีการตั้งจุดตรวจโดยไม่ได้รับอนุมัติจาก ผบก.ขึ้นไป ให้ผู้บังคับบัญชาระดับ บก.หรือ ภ.จ. พิจารณาข้อบกพร่องเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องแล้วรายงานให้ ตร.ทราบทันที
4.กำชับการตั้งด่านตรวจ จุดตรวจ ให้ทุกหน่วยลงข้อมูลในสารสนเทศของ ตร. (Thai Police Checkpoint Control : TPCC) ให้ถือปฏิบัติ ตามหนังสือ ตร.ข้างต้นที่กำหนดแนวทางไว้แล้วอย่างเคร่งครัด และให้ หน.สน. หรือ สภ. ควบคุม กำกับ ดูแลการปฏิบัติอย่างใกล้ชิด หากพบข้อบกพร่องกรณีดังกล่าว ให้พิจารณาดำเนินการทางวินัยหัวหน้าด่านตรวจ จุดตรวจ จนถึง หน.สน.หรือ สภ.5.ให้ผู้บังคับบัญชาระดับ ตร. บช.หรือ ภ.และ บก.หรือ ภ.จ. สุ่มตรวจการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการตั้งด่านตรวจ จุดตรวจ และจุดสกัดในเขตพื้นที่รับผิดชอบให้เป็นไปตามแนวทางที่ ตร.กำหนด
6.ให้ รอง ผบช.และ รอง ผบก.ที่รับผิดชอบงานป้องกันปราบปรามอาชญากรรม งานจราจร และงานจเรตำรวจ ควบคุม กำกับ ดูแล และสุ่มตรวจการตั้งด่านตรวจ จุดตรวจ และจุดสกัดในเขตพื้นที่รับผิดชอบ ให้เป็นไปตามแนวทางที่ ตร.กำหนด ในกรณีที่ตรวจพบว่าการปฏิบัติไม่เป็นไปตามแนวทางดังกล่าว เช่น ป้ายข้อความตามที่กำหนด การจัดรูปแบบการตั้งด่านตรวจหรือจุดตรวจ ป้ายไฟ การวางกรวยยาง กล้องบันทึกภาพเคลื่อนไหวแบบดิจิทัล กล้องวงจรปิด เป็นต้น ให้ผู้บังคับบัญชาที่ตรวจพบแนะนำ ตักเตือน ให้ปรับปรุงแก้ไขให้ถูกต้องโดยเร็ว ทั้งนี้ให้ติดตามผลการปรับปรุงแก้ไขในกรณีดังกล่าวด้วย
7.ให้ จต.สุ่มตรวจการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการตั้งด่านตรวจ จุดตรวจ และจุดสกัด รายงานผลการตรวจให้ ตร.(ผ่าน สยศ.ตร.) ทราบทุกวันที่ 5 ของเดือน แล้วให้ สยศ.ตร.สรุปรายงานให้ ผบ.ตร.ทราบ และนำเข้าที่ประชุมบริหาร ตร. 8.หากมีกรณีผู้บังคับบัญชาตรวจพบ หรือมีกรณีร้องเรียน หรือปรากฏเป็นข่าว หรือปรากฏตามสื่อสังคมออนไลน์ และผลการตรวจสอบพบว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจมีพฤติการณ์ส่อไปในทางทุจริต หรือแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบหรือเรียกรับสินบน ให้ผู้บังคับบัญชาระดับ บช.หรือ ภ.พิจารณาดำเนินการทางวินัย อาญา และปกครอง แล้วแต่กรณีกับเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง และพิจารณาข้อบกพร่องผู้บังคับบัญชาผู้ที่มีหน้าที่ควบคุมกำกับ ดูแล จนถึง หน.สน.หรือ สภ.แล้วรายงานให้ ตร.ทราบทันที
9.หากผลการตรวจสอบตามข้อ 8 พบว่าผู้บังคับบัญชาระดับ บก.หรือ ภ.จว.ปล่อยปละละเลย ไม่ใส่ใจในการควบคุม กำกับ ดูแล และกำชับเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง ให้พิจารณาข้อบกพร่อง รอง ผบก.ที่มีหน้าที่รับผิดชอบ และ ผบก. ในกรณีดังกล่าวด้วย 10.ให้ ผบช.น. ภ.1-9 ก. ผบก.น.1-9 ภ.จว. ทล. จร. และ หน.สน.หรือ สภ. ประชุมชี้แจง และกำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดให้ถือปฏิบัติตามหนังสือนี้อย่างเคร่งครัด ให้บันทึกการประชุมชี้แจงและกำชับไว้เป็นหลักฐานด้วย 11.ให้นำผลการดำเนินการติดตาม ควบคุม กำกับดูแลด่านตรวจ และจุดตรวจ พร้อมปัญหาข้อขัดข้องของหน่วยในสังกัดเข้าที่ประชุมบริหาร บช.น.และ ภ.1-9 เป็นประจำทุกเดือน โดยให้ ผบก.น.หรือ ภ.จว. เป็นผู้รายงาน เพื่อทราบและถือปฏิบัติโดยเคร่งครัด ทั้งนี้หนังสือสั่งการใดที่ขัดหรือแย้งกับหนังสือสั่งการนี้ ให้ใช้หนังสือนี้แทน
.
/////////