



ตำรวจไซเบอร์ กัดไม่ปล่อยตามล่าบัญชีม้าก่อเหตุภาคใต้ แต่จนมุมเหนือสุดประเทศ
เมื่อวันที่ 27 ก.พ. พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. พล.ต.ต.วิวัฒน์ คําชํานาญ รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.ชรินทร์ โกพัฒน์ตา ผบก.สอท.5 พ.ต.อ.ชัยพันธุ์ ทัพวงษ์ รอง ผบก.สอท.5 พ.ต.อ.เอกวีร์ พงศ์สร้อยเพ็ชร รอง ผบก.สอท.5 พ.ต.อ.บัญชา ศรีสุข รอง ผบก.สอท.5 พ.ต.อ.อรรถพล มีเสียง รอง ผบก.สอท.5 พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง ผบก.สอท.5 พ.ต.อ.ศุภกร ธัญญกรรม ผกก.1 บก.สอท.5 พ.ต.ท.อาทิตย์ ชาตินักรบ รองผกก.สอท.5 พ.ต.ท.นิธิวัชร์ อัครสุพัฒน์กุล รอง ผกก. สอบสวน สอท 5 จับกุมผู้ต้องหาซึ่งเป็นระดังผู้บริหารบัญชีม้า แถว 3-4 รวมทั้งหมด 4 ราย ที่ใช้หลอกลงทุนเว็บ Bitmoxa.com ยอดความเสียหาย ประมาณ 8.7 ล้านบาท
พล.ต.ต.ชรินทร์ โกพัฒน์ตา ผบก.สอท.5 กล่าวว่า สืบเนื่องจากกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ได้รับการประสานงาน จาก สภ.เมืองภูเก็ต กรณีมีผู้เสียหายถูกหลอกลวงจากการลงทุน “BITMOXA” ซึ่งเป็นกลุ่มคนร้าย มีการวางแผนเป็นขบวนการโดยการหาเหยื่อผู้เสียหาย ในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ และได้ออกอุบายให้ผู้เสียหาย เข้ามาพูดคุยช่องทางไลน์แล้วหลอกให้เหยื่อร่วมลงทุน จะมีผลกำไรตอบแทนอย่างดี โดยผ่านเว็บไซต์ Bitmoxa.com โดยมีการแบ่งงานลักษณะเป็นกระบวนการ และมีความเชื่อมโยงหลาย CaseID ซึ่งผู้เสียหายจำนวนมากตกเป็นเหยื่อ
ต่อมาจากการสืบสวนขยายผล จากผู้ต้องหาที่ถูกจับก่อนหน้านี้ สามารถจับเพิ่มเติมได้อีก 4 รายประกอบด้วย นายอาทิตย์ นามอ้าย อายุ 20 ปี น.ส.ศิริพร วังษา อายุ 32 ปี นางสาวจารุจรรย์ พรวนหาญ อายุ 25 ปี และน.ส.สุนารี จันทร์สุริยา อายุ 28 ปี โดยจับกุมได้เขตพื้นที่ จ.เชียงราย
จากการสอบปากคำเบื้องต้น น.ส.สุนารี ให้การรับสารภาพ ว่าตนได้รับการชักชวนจากเพื่อนที่เคยเข้าไปทำงานเป็นพนักงาน call center ให้เป็นผู้รวบรวมบัญชีม้าให้โดยจะได้รับค่าจ้างบัญชีละ 2,000 บาท เมื่อได้บัญชีมาก็จะส่งมอบบัญชีธนาคารที่เปิดออนไลน์ และลงทะเบียนแล้วในแอพพลิเคชั่นธนาคารบนโทรศัพท์มือถือที่ผู้จ้างวานนำมาให้ ซึ่งเมื่อผู้จ้างวานได้ไปก็จะนำไปส่งต่อให้กับนายทุนที่ประเทศกัมพูชาต่อไป
เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับว่าเป็นคนเปิดบัญชีม้าจริงเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงควบคุมตัวผู้ต้องหานำส่งพนักงานสอบสวนสภ.เมืองภูเก็ต ฐานความผิด “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่นโดยทุจริต เพื่อหลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้ง เพื่อให้ได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวง และ นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ” ก่อนขยายผลผู้ร่วมกระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป