นางสาวสิริลักษณ์ เจริญกิจเจริญ อายุ 41 ปี พร้อมด้วยทีมงานเพจสายไหมต้องรอด นำเอกสารการโอนเงินเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.คันนายาว ให้ดำเนินคดีกับแก๊งมิจฉาชีพหลอกให้เล่นการพนันปั่นสามแปด ภายในงานประจำปีของวัดคู้บอน ซึ่งอยู่ติดกับสถานีตำรวจ สน.คันนายาว ทำให้สูญเงินไปเกือบ 3 แสนบาท
นางสาวสิริลักษณ์ ผู้เสียหายเล่าว่า เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ขณะที่ตนเองกลับจากทำงาน ก็ได้แวะเที่ยวงานวัดคู้บอน เมื่อเดินมาถึงบริเวณซุ้มปาลูกโป่ง ก็พบโต๊ะลักษณะมีคนมุงจำนวนมาก เมื่อเดินผ่าน ก็ถูกกลุ่มคนในนั้นชักชวนให้เข้าไปเล่น ตนเองบอกว่าไม่เล่นไม่เป็น แต่ก็ถูกกลุ่มคนดังกล่าวจับมือเข้าไปเล่นเสี่ยงทาย ซึ่งมีลักษณะเป็นการหมุนเหรียญ 2 ด้าน ซึ่งมี เลข 3 ด้านนึงและ เลข 8 อีกด้านนึง ก่อนจะใช้ฝาครอบ และให้ผู้เล่นทายเลข โดยครั้งแรกตนเองเสียเงินไป 6,000 บาท ตนเองพยายามบอกว่าไม่มีเงินสด ไม่ต้องการเล่น แต่กลั่มคนดังกล่าวก็บอกให้โอน พร้อมกับมีกลุ่มการ์ดเป็นผู้ชาย ร่างใหญ่ รวมกว่า 10 คน มาล้อมหน้าล้อมหลัง ปิดทางไม่ให้ตนเองหนีไปไหน จึงทำให้เกิดความหวาดกลัว ยอมโอนเงินให้ จากนั้นพวกกลุ่มดังกล่าว ซึ่งคาดว่าเป็นหน้าม้า พยายามพูดจาเชียร์และจับมือตนเองไปเล่นเสี่ยงทายต่ออีกเกือบ 10 ครั้ง ตนเองก็ไม่กล้าหนี้ และเล่นเสียทุกตา โดยครั้งสุดท้ายเสียเงินไป 1 แสนบาท รวมทั้งหมดเป็นเงินจำนวนเกือบ 3 แสนบาท แบ่งโอนหลายครั้งให้กับบัญชีของมิจฉาชีพ 3 บัญชี
ทั้งนี้ตนเองอยากได้เงินจำนวนดังกล่าวคืน เพราะเป็นเงินเก็บทั้งชีวิต และกำลังจะนำไปจ่ายค่าโอนที่ดิน แต่กลับต้องมาถูกหลอกหมดตัว จึงอยากฝากเป็นอุทาหรณ์ เตือนภัยหากใครพบแก๊งลักษณะนี้ ให้เดินเลี่ยงไปเลย อย่าไปยุ่งเกี่ยว
จากนั้นผู้เสียหายได้พาทีมข่าวไปชี้จุดเกิดเหตุภายในงานประจำปีของวัดคู้บอน เบื้องต้นไม่พบโต๊ะพนันดังกล่าวแล้ว ขณะที่เมื่อคืนที่ผ่านมาผู้เสียหายได้ให้เพื่อนแฝงตัวไปในงานวัดคู้บอนที่ตนเองถูกหลอกเให้เล่นพนันเพื่อติดตามว่ายังคงตั้งโต๊ะเปิดให้เล่นพนันอยู่หรือไม่ แต่ปรากฏว่าไม่พบว่ามีการตั้งโต๊ะให้เล่นพนันปั่น 38.แต่กลับพบว่ามีการตั้งโต๊ะเปลี่ยนรูปแบบเป็นลักษณะคล้ายปั่นวงล้อแทน จึงได้มีการบันทึกภาพซึ่งปรากฏว่าพบบุคคล2 คน ที่อยู่ในวันที่ตนเองถูกหลอกให้เล่นพนันปั่น 38 เป็นหญิง 1 คนพี่ทำหน้าที่ปั่นเหรียญในวันเกิดเหตุ และเป็นชายอีก 1 คนทำหน้าที่เป็นหน้าม้าคอยชักชวนให้ตนเองเล่น จึงคาดว่าจะเป็นกลุ่มมิจฉาชีพเดียวกันที่ยังคงอยู่ภายในงาน
ในส่วนของผู้จัดงานทีมข่าวพยายามโทรศัพท์สอบถามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นแต่ไม่สามารถติดต่อได้แต่อย่างใด
นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ช่วย ส.ส.เขตสายไหม ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ระบุว่าเมื่อคืนที่ผ่านมา ทีมงานเพจสายไหมต้องรอด ก็ได้ลงพื้นที่ ยังพลโต๊ะพนันดังกล่าวอยู่ มีการ์ดคอยเฝ้า ห้ามไม่ให้คนที่ผ่านไปมาถ่ายรูปหรือคลิปวิดีโอด้วย ซึ่งเบื้องต้นทราบว่าเป็นล็อคเสริม ที่มาเช่าเป็นรายวัน บางวันก็มา บางวันก็ไม่มา เมื่อหลอกเหยื่อได้ตามเป้าแล้ว ก็จะย้ายร้านไปที่งานอื่น
ขณะที่ซุ้มปาลูกโป่งบริเวณดังกล่าววันนี้ยังคงมีอยู่ แต่ก็กำลังเก็บร้านเช่นกัน ซึ่งร้านค้าบอกว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ก็มีเจ้าหน้าที่ไม่ทราบหน่วยงานโทรศัพท์มาแจ้งให้ซุ้มเล่นเกมทุกร้านเก็บของกลับทันที เหลือไว้เฉพาะโซนร้านอาหารเท่านั้น สร้างความเดือดร้อนให้ร้านค้าต่างๆ เป็นอย่างมาก และไม่เห็นด้วยกับการที่ทางผู้จัดงานนำโต๊ะพนันลักษณะนี่มาตั้งในงานวัด
ด้านพันตำรวจเอกนเรนทร์ เครื่องสนุก ผู้กำกับการ สน.คันนายาว ระบุว่า เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้รับเรื่องไว้แล้ว และจะเร่งรัดติดตามผู้กระทำความผิดมาสอบสวน หากเข้าข่ายความผิดก็จะดำเนินคดี ทั้งนี้ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้ออกตรวจตรางานวัดดังกล่าวทุกวัน และไม่พบการลักลอบเล่นการพนัน จึงคาดกว่าแก๊งดังกล่าวน่าจะฉวยโอกาสที่ตำรวจตรวจตราไม่ทั่วถึง จัดให้มีการเล่นการพนันขึ้น
ขณะที่พลตำรวจตรีอรรถพล อนุสิทธิ์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 เปิดเผยว่า ได้กำชับและสั่งการให้ชุดสืบสวนติดตามตัวผู้จ้ดงาน และกลุ่มผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดี โดยตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุแล้ว และหากสอบสวนแล้วพบว่ามีการจัดให้เล่นการพนัน ก็จะแจ้งข้อหาลักลอบเล่นการพนัน ส่วนที่ผู้เสียหายระบุว่ามีการบังคับให้เล่น ก็ต้องพิจารณาพยานหลักฐานก่อนว่าจะเข้าข่ายความผิดใดบ้าง ซึ่งหากเป็นการบังคับลักษณะไม่ให้ไปไหน ก็จะเข้าข่ายกักขังหน่วงเหนี่ยว ส่วนตำรวจท้องที่จะเข้าข่ายปล่อยปละละเลยให้มีการเล่นการพนันหรือไม่นั้น ยังไม่พบว่าเข้าข่ายความผิด เพราะทราบว่าเป็นลักษณะลักลอบเข้ามาเล่น