
เมื่อเวลา 11.30 น.วันที่ 21 ม.ค. ที่ สน.บางเสาธง พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.รุดมาประชุมติดตามความคืบหน้าคดีวิสามัญฆาตกรรม นายนนทชัย หรือโอ๊ต กรานเคารพ อายุ 35 ปี ลูกทรพีก่อเหตุฆ่า นางสุรางค์รัตน์ จ้อยเจือ อายุ 62 ปี แม่แท้ๆ ก่อนจุดไฟเผาบ้านตัวเองในซอยบางพรหม 54 เมื่อวันที่ 19 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยมี พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. พล.ต.ต.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร รอง ผบช.น. พล.ต.ต.เอกชัย บุญวิสุทธิ์ ผบก.น.7 และ พ.ต.อ.ศุภศักดิ์ โปรียานนท์ ผกก.สน.บางเสาธง นำชุดคลี่คลายคดีเข้าร่วมประชุมหารือ
พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวว่า หลังเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นมามีการตั้งข้อสังเกตุว่า เหตุใดก่อนหน้านี้ชาวบ้านแจ้งตำรวจให้ไปดำเนินการกับ นายนนทชัย ผู้ก่อเหตุแล้วหลายรอบแต่จัดการไม่ได้ ซึ่งเรื่องนี้ทาง บช.น.ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงแล้วจะให้ ผบช.น.ชี้แจงให้ทราบอีกครั้ง ส่วนเรื่องการวิสามัญฆาตกรรม จะต้องมีการไต่สวนอยู่แล้วว่าเกินกว่าเหตุหรือไม่เรื่องนี้มีการพิสูจน์ทางกระบวนการศาลอย่างชัดเจน เนื่องผู้ปฏิบัติเองก็มีกฎหมายคุ้มครองอยู่ว่าสามารถกระทำได้เมื่อมีภยันอันตรายที่มาถึงตัว
พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวด้วยว่า วันนี้ตนมาดูในภาพรวมเป็นส่วนที่เกี่ยวข้องกับการบริหารว่าจะทำอย่างไรไม่ให้เกิดปัญหาทำนองนี้ขึ้นมาอีก นำคดีที่เกิดขึ้นมาถอดเป็นบทเรียนแก้ไขกลไกการทำหน้าที่ในภาพรวม อาทิ ผู้ปฏิบัติเข้าใจข้อกฎหมายหรือไม่ หากจะนำบุคคลป่วยทางจิตไปรักษามีกฎหมายว่าไว้อย่างไร มีการติดขัดหรือมีอุปสรรคตรงไหน เกิดขึ้นที่ระบบหรือตัวบุคคลเพื่อที่เราจะได้ออกแบบให้ตำรวจเกิดความเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ถูกต้อง
“2-3 เดือนที่ผ่านมาสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ให้ความสำคัญกับบทเรียนการทำงานของตำรวจมีการคัดสายตรวจไปอบรมเพิ่มเติมเกี่ยวกับการระงับเหตุคนหัวร้อน ระงับเหตุวิวาทในโรงพยาบาล การใช้ยุทธวิธีต่างๆ เช่นการหยุดยั้งรถเป้าหมายให้ถูกต้อง เราอบรมไปแล้ว 10 รุ่น ซึ่งหลังจากนี้จะนำคดีล่าสุดในท้องที่ สน.บางเสาธง ไปถอดเป็นบทเรียนอีกเช่นกัน ส่วนเรื่องการรุดไปตรวจสถานที่เกิดเหตุนั้น ตามมาตรฐานกำหนดไว้ตั้งแต่ตนเป็นนายตำรวจใหม่ๆ ว่าต้องถึงใน 3 นาที แต่ตนยอมรับข้อเท็จจริงเป็นไปได้ยาก ที่ผ่านมาภาพรวมดีที่สุดคือ ถึงภายใน 7 นาที แต่ก็ต้องดูที่สภาพพื้นที่ของแต่ละโรงพักเป็นหลักด้วย” พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าว.
///////////